2.5.09

WINTER SONATA-12-TRUTH OF DECADE AGO

Episode 12- Truth of decade ago

ปริศนา

ผม คือ ใคร !!!

ปริศนา และ อัศเจรีย์ ที่น่า ตกใจ ของ มินฮุง
ใน 10 ปีที่ผ่านมา มินฮุง ไม่เคยเกิด ปริศนานี้เลย
แต่พอเกิดขึ้นในหัวใจ กลับได้ คำตอบที่น่าตกใจ
มาช่วยกัน ปลอบขวัญ มินฮุง กันหน่อยนะคะ
เพราะ ยูจิน มีแต่ทำความ เจ็บช้ำให้มินฮุง
( คนเล่าเริ่มหงุดหงิดกับ ยูจิน เสียแล้ว เพราะ อินกับละคร นั่นเอง)

มินฮุง ไม่อาจทำตามความใจปรารถนาของตน

มินฮุง เดินออกไปเรียกรถแท็กซี่ จนมีรถจอดให้

มินฮุง เปิดประตู ไว้ รอ ยูจินแล้วหันไปมอง ยูจิน โดยไม่พูดอะไรด้วยเลยสักคำ


ยูจิน ขึ้นนั่งบนรถ แม้ มินฮุง รู้ดีว่า ยูจิน กำลังจะไปที่ไหน มินฮุง ก็จำต้องส่ง ยูจิน ไป


ยูจิน หลบสายตาของมินฮุง ตั้งแต่แรกพบ จนขึ้นนั่งบนรถแท็กซี่


มินฮุง มองยูจิน ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ รถแท๊กซี่ วิ่งผ่าน มินฮุง ไป
ยูจิน บนรถแท็กซี่ ได้แต่ ก้มหน้าถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่า มินฮุง ก็รู้ว่า เธอ กำลังจะไปหาใคร
แต่ มินฮุง ก็ยังอุตส่าห์ โบกเรียกรถแท็กซี่ให้เธออีก
ยูจิน รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ปฏิเสธ ความเอาใจใส่ของ มินฮุง
เธอน่าจะปฏิเสธ มินฮุง ไปใน ขณะนั้น ยูจิน ควรช่วยสะสาง ความรู้สึกของ มินฮุง ที่มีต่อเธอให้เร็วที่สุด
แต่ ยูจิน ก็ทำไม่ได้ พอนึกถึงว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอเคยปฏิบัติต่อ มินฮุง อย่างโหดร้าย
ยูจิน ก็รู้สึก รันทดใจ

ยูจิน รู้สึกเสียใจเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องที่ มินฮุง สละทุกอย่างเพื่อเธอได้อย่างนั้นหรือ
หรือว่าเป็นเรื่องที่ มินฮุง จะเฝ้ารอเธออยู่ในที่ใดที่หนึ่งเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่
ในขณะที่ ตัวเธอเองกลับนึกถึงแต่ตัวเองอย่างนั้นหรือ
( ก็ใช่น่ะซีคะ คุณ ยูจิน อย่างนี้ ต้องว่า รู้ แต่แกล้งทำไม่รู้ น่ะเอง)
ยูจิน รู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก

ยูจินไปถึงบ้านของ ซังฮวก กดกริ่งแล้วยืนรอที่หน้าประตูบ้าน

ซังฮวก เปิดประตูบ้านและก้าวออกมา
สองมือ สอดที่กระเป๋ากางเกง เมินหน้าไปอีกทาง ไม่เอ่ยปากพูดอะไร และก็ไม่เชิญ ยูจิน เข้าบ้าน
ยูจิน : ฉันนั่งรถตามเธอมาน่ะ ทำไมมาถึงเร็วจัง แสดงว่าขับรถเร็วใช่มั๊ย
ซังฮวก มอง ยูจิน
ยูจิน : บอกแล้วไงอย่าขับรถเร็ว
ซังฮวก : ฉันขอโทษนะ
ซังฮวก เหมือนจะสำนึกผิดที่ทิ้ง ยูจิน ไว้ ปล่อยให้ ยูจิน เดินทางกลับบ้านคนเดียว

ยูจิน : ไม่รู้สึกแย่เหรอที่เป็นคนขี้โมโหน่ะ คนที่โมโหจนขาดสตินั่นแหละคือคนแพ้นะ
ซังฮวก หัมามองหน้า ยูจิน

เมื่อพูดถึงความรักแล้ว แค่รักอย่างเดียวยังไม่พอหรือ
ความรักที่มีความระแวงอยู่ด้วย ไม่ใช่ความรักในแบบที่ ซังฮวก ต้องการ
จุนซาง ได้มอบความรักที่สมบูรณ์ไม่มีที่ติมาเติมเต็มหัวใจของ ยูจิน
ซังฮวก รู้สึกอิจฉาความรักของ จุนซาง ที่มีต่อ ยูจิน เป็นอย่างมาก

ไม่ สิ เขาควรจะพูดว่า เขา รู้สึกอิจฉา ลี มินฮุง ที่มีหน้าตาคล้าย จุนซาง
แม้ ลี มินฮุง จะไม่เหมือน จุนซาง ก็ตามที

ยูจิน เดินเข้าไปหา ซังฮวก แล้วโอบกอด ซังฮวก อย่างอบอุ่น ยูจิน เพียงแต่ โอบกอด ซังฮวก อย่างเงียบๆ
ไม่ได้อธิบายเรื่องที่ ซังฮวก เข้าใจเธอผิด น้ำตาคลออยู่บนใบหน้าที่ซบอยู่กับบ่าของ ซังฮวก
ในใจของ ยูจิน กำลัง คิดถึง มินฮุง อยู่ ช่างเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริงๆ
ที่ ตัวเองตกอยู่ในวังวนชะตาชีวิตที่เกินกว่าอำนาจมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลงได้
กายของ ยูจิน อยู่กับ ซังฮวก แต่ใจกลับมอบให้ มินฮุง
ซังฮวก ยกสองมือกอดตอบ ยูจิน เช่นกัน
ยูจิน นิ่งอยู่นาน แล้ว จึง บอก ซังฮวก ว่า : ขอโทษนะ
( คุณ ยูจิน ขา ไปโทษ โชคชะตา เหมือน คุณแม่ คุณเลยนะ ไร้สาระจริงๆ ชีวิตนี้ ลิขิตได้ ด้วยตัวเองต่างหากคะ คุณ นางเอก เอะอะก็ อ้างโชคชะตา)

ส่วน มินฮุง หลังจาก ส่ง ยูจิน ขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อ ไปหา ซังฮวก แล้ว ก็เลยกลับไปที่พัก
เมื่อออกจากลิฟท์ ก็พบว่า คุณ คิม มา นั่งคอยอยู่ ที่ราวบันไดหน้าลิฟท์ เหมือน รอคอยมานานแล้ว
คุณคิมส่งเสียงร้องทัก มินฮุง ว่า : อ้าวทำไมกลับเร็วนักล่ะ งั้นเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยดีมั๊ย

ในบาร์
คุณคิม : วันนี้แย่ชะมัดเลย คุณ โอเค นะ
มินฮุง เอามวนบุหรี่เคาะลงที่พื้นโต๊ะ : ผมหวังไม่อยากให้เรื่องมันเกิด ผมหวังที่ไม่อยากจำ เรื่องอะไรที่เกี่ยว ยูจิน ได้อีกแล้ว
( ผมหวังว่าตัวเองจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ยูจิน ให้หมด)
( ดีมาก ค่ะ คุณ มินฮุง คุณมีศักดิ์ศรี ในตัวเองที่ไม่ควร ไปตาม ไล่คว้าเงาผู้หญิงที่เขาไม่แคร์เรา เรื่องอะไร ไปตบมือข้างเดียว )

คุณคิม : ถ้าเราลืมทุกอย่างที่อยากลืมได้ก็คงจะดีหรอก นี่ผมจะบอกให้มั๊ย
อย่างแรกนะดื่มให้ลืมไปเลย
อย่างที่สอง มองหาผู้หญิงอื่น
แล้วอย่างที่ สาม หาจิตแพทย์
มินฮุง ยิ้ม เป็นทำนองว่า คุณ คิม พูดพล่าม ไปเรื่อยเปื่อย หยุดพล่ามเถอะ
คุณคิม พูดต่อ : จากนิสัยของคุณ สองอย่างแรกคงไม่เวิร์ค อย่างที่สามเป็นไง ไปหาจิตแพทย์


มินฮุง ปราม คุณคิม ว่า : พอเถอะน่า เลิกพูดเล่นซะทีเถอะ
คุณคิม พูดด้วยนำเสียงจริงจังมาก : ผมไม่ได้พูดเล่นนะ คำว่า “ ไปหาจิตแพทย์ “
ฟังดูแล้วคุณอาจจะนึกถึงเฉพาะคนบ้า แต่ว่าสมัยนี้คนไปปรึกษากันเยอะนะ
ยกตัวอย่างเช่น ...เอ้อ... มีคนตายไปจากคุณ ถ้าเกิดเป็นแฟนคุณ คุณคิดว่ามันจะทรมานแค่ไหนกัน น่ะฮึ
ถึงต้องเข้ารับการบำบัด เพื่อลบความทรงจำนั่นซะ ใช้ความทรงจำอื่นมาลบความทรงจำ เขาใช้วิธีสะกดจิตหรืออะไร ทำนองนี้แหละ
มินฮุง : ลบความทรงจำแล้วสร้างใหม่ฟังดูสะดวกดีนะ
คุณคิม : คุณน่าจะลองดูนะ ความทรงจำที่เราพบใครสักคนหนึ่งและต้องเลิกรากัน อาจจะไม่เลวร้าย
แต่ก็ยังดี ดีกว่าที่ต้องทนทรมาน อย่างจำเรื่องที่เคยคบกับ แชรีน แทนยูจินไง

เสียงเปียโนที่บรรเลงอยู่จบลง คุณคิม ปรบมือให้
มินฮุง วางแก้วเหล้าลง
คุณคิม เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านหนังสือพิมพ์พบข่าวของนักเปียโน : นี่ นี่ ทำไมไม่บอกผมว่า คุณแม่คุณ คือ คัง มุยฮี
มินฮุง ; ทำไมล่ะ
คุณคิม ทวนคำว่า : ทำไม : โธ่ .....รู้มั๊ยผมเคยคิดอะไรตอนที่คุณเล่นเปียโนต่อหน้าผมนั้นน่ะ
ผมนึกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ เหมือน โมซาร์ท
มินฮุง ยิ้ม ขำ คุณคิม
คุณคิม พูดต่อว่า : เพิ่งมารู้ว่าแม่คุณเป็นนักเปียโน คุณเคยเรียนมาจากแม่แล้ว แกล้งทำเป็นไม่เคยเล่น ปั๊ดโธ่ ...เหอะ
มินฮุง : ทำไมผมต้องโกหกด้วย ผมไม่เคยเล่นมาก่อนจริงๆ
คุณคิม : โอเค..โอเค... ตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่เคยจับมาก่อนเลยใช่มั๊ย ใช่หรือเปล่า
มินฮุง ทำหน้าตาจริงจัง : จริงๆนะ
คุณคิม : โอเค...คุณอาจจะจำไม่ได้ว่าเคยเล่นมาก่อน
มินฮุง : หันไปมองทางนักเปียโนที่กำลังเล่นเปียโนอยู่ ทำท่าทางครุ่นคิด มินฮุงพยามยามนึกถึงความทรงจำ
แล้ว รู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมอยู่
มินฮุง เริ่มสงสัยกับอดีตของตัวเอง
แล้วรำพึงออกมาเป็นคำพูดว่า : ผมจำอดีตไม่ได้เลยซักอย่าง ทำไม....ผมจำเรื่องอะไรไม่ได้เลย
คุณคิม มอง มินฮุง ที่มีท่าทาง ครุ่นคิดอย่างซีเรียส
ที่ทำงานของ ซังฮวก วันนี้ ซังฮวก แต่งสูทเรียบร้อย จน เพื่อนดีเจสงสัย
ซังฮวก บอกว่าต้องไปทำธุระ แล้วคุยเรื่องของ คัง มุยฮี ซึ่งเลขาได้ตอบรับการให้สัมภาษณ์ แต่ ต้องไปสัมภาษณ์ เอง โดย คัง มุยฮี จะไม่มาที่ สตูดิโอ
ยูจิน มาหา ซังฮวกที่ ทำงาน เพื่อจะไปเคารพหลุมฝังศพพ่อของยูจิน เนื่องในวันเกิด ของพ่อ

ลมหนาวที่เมืองชุนชง พัดมาเย็นยะเยือก
คัง มุยฮี ยืนโต้ลมหนาวอยู่ ที่หน้าหลุมฝังศพ ของ จุง ฮุนโซ (จุง ซินเจา) ที่ปราศจากผู้คน มีดอกเบญจมาสสีขาวช่อใหญ่
วันนี้เป็นวันเกิด ของ จุง ซินเจา ซึ่งเสียชีวิตไปนานถึง 16 ปีแล้ว
คัง มุยฮี ยังมีชีวิตอยู่และมายืนที่หน้าหลุมฝังศพนี้
คัง มุยฮี ที่รัก จุง ซินเจา ถึงขนาดยอมสละชีวิตของตนได้ กลับอยู่อย่างปรกติสุขบนโลกนี้
แต่ จุง ซินเจา กลับฝังร่างอยู่ใต้ผืนดินอันเหน็บหนาวนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คัง มุยฮี มีชีวิตอยู่ด้วยความคิดว่า จุง ซินเจา ยังมีชีวิตอยู่ และจดจำวันเกิดของเขาได้
คัง มุยฮี ไม่อาจลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ของ จุง ซินเจา ได้เลย เนื่องจากเธอไม่อาจให้อภัยเขาได้
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอมีชีวิตอยู่ด้วยความทรงจำทั้งหมดที่มีอยู่ การทำเช่นนี้เป็นการทรมานตัวเอง
แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นเขา สัมผัสเขาไม่ได้ แต่เธอยังคงจงเกลียดจงชัง จุง ซินเจา ผู้อยู่ในความทรงจำของเธอตลอดมา

คัง มุยฮี คิดว่า หวังว่าทุกอย่างจะจบสิ้นเสียที
เธอเคยเชื่อมาตลอดว่า จุง ซินเจา ลืมเธอไปแล้ว
จุง ซินเจา ไม่สนใจว่า เธอยังอยู่หรือไม่ และ จุง ซินเจา ดำเนินชีวิตของตัวเองอย่างปรกติสุข
ความคิดนี้ ทำให้ คัง มุยฮี จงเกลียดจงชัง จุง ซินเจา
แต่ตอนนี้ จุง ซินเจา ไม่อยู่แล้ว จุง ซินเจา ตายจากไปนานแล้ว
คัง มุยฮี : วันเกิดของเธอ ถ้าฉันบอกว่าฉันยังจำได้ เธอคงจะโกรธฉันละสิ
แต่จะให้ฉันทำยังไง ฉันลืมเธอไม่ได้จริงๆ ฉันยังจำได้ทุกอย่าง ฉันยกโทษให้เธอไม่ได้
คัง มุยฮี ร่ำไห้
คัง มุยฮี ออกจากสถานที่ ที่ จุง ซินเจา หลับใหลไม่รู้ตื่นอยู่ เดินออกมารับลมหนาวที่พัดผ่านรอบๆตัวเธอ
มีรถยนต์ คันหนึ่ง วิ่งผ่านเธอไป
ยูจิน และ ซังฮวก ไปถึง หลุมฝังศพ
ยูจิน สงสัยว่า มีใครเอาช่อดอกไม้มาที่หลุมฝังศพนี้ก่อนหน้าเธอ
เธอไม่ได้บอกแม่ ซังฮวก บอกว่า อาจเป็นเพื่อนของพ่อ ยูจิน
ยูจิน บอกว่า ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมพ่อตอนวันเกิดมาก่อนเลย
ยูจิน วางช่อดอกไม้ของเธอ ลงข้างๆ ช่อ ที่วางอยู่ก่อน รินเหล้าเซ่นไหว้และแสดงความเคารพ
ซังฮวก คุกเข่าลง บอกว่า : ผมเองครับ ผม ซังฮวก ครับ เราจะแต่งงานกันเดือนหน้านี้ครับ
คุณพ่อครับ ผมสัญญาว่า จะดูแล ยูจิน อย่างดี คุณพ่ออวยพรให้เรานะครับ

ทังคู่ ไปที่บ้านของ ยูจิน
ซังฮวก มอบเงินให้แม่ของ ยูจิน ใช้เตรียมงานแต่งงาน ยูจิน หยิบซองคืน ซังฮวก
แต่ ซังฮวก บอกว่า : ยูจิน ฉันขอร้องล่ะ แล้ว ยื่นให้แม่อีกครั้ง
และบอกว่า : ผมอยากให้จริงๆนะครับ เป็นเงิน ที่สะสมมาจากเงินเดือน คุณแม่โปรดรับไว้จัดงานแต่งเถอะนะครับผมจะได้สบายใจ
ตอนแรกแม่ของ ยูจิน ก็ลังเล แต่ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ ของ ซังฮวก จึงยอมรับเงินนั้นไว้

เมื่อขึ้นรถกลับออกมาจากบ้านของยูจิน
ซังฮวก ถาม ยูจิน ว่า : นี่เธอโกรธฉันเหรอ
ยูจิน เงียบ
ซังฮวก : ยูจิน เธอโกรธฉันจริงๆเหรอ
ยูจิน : เปล่าหรอก ฉันแค่
ซังฮวก : แค่อะไร
ยูจิน : ก็เธอน่ะ ทั้งอ่อนโยนและก็แสนอบอุ่น แต่บางทีเธอก็เหมือนเป็นคนอื่น
เธอตัดสินใจอะไร โดยไม่ได้ถามฉันซักคำ มันแปลกมั๊ยล่ะ ฉันเลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
ซังฮวก ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของ ยูจิน ดีขึ้น จึงยิ้ม : ให้ฉันบอกเธอดีมั๊ย ก็มากับฉันก็พอน่า เธอเชื่อใจฉันมั๊ย
ยูจิน ยิ้มตอบ

ซังฮวก : แหมวันนี้อารมณ์ดีจังเลย นี่ ยูจิน ไปขับรถเล่นกันหน่อยดีม๊ย เปิด เก๊ะ ดูสิ หยิบแผนที่มาหน่อย ไปที่อื่นที่ไม่ใช่ ชุนชง กันดีกว่า
ยูจิน หยิบแผนที่ ออกมาจากช่ องเก็บของ มีโปรชัวร์ คอนเสริต์ ของ คัง มุยฮี ติดออกมาด้วย
ซังฮวก : นั่นน่ะเหรอ ฉันไปดูคอนเสิรต์มาด้วยนะ เขาเป็นนักเปียโน ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้ง 10 ปี แล้ว
ยูจิน : เขาเป็นนักเปียโน เหรอ
ซังฮวก : ทำไม เธอรู้จักเขาเหรอ
ยูจิน หันไปมองซังฮวก : ก็เขาเป็นคุณแม่ของ มินฮุง
ซังฮวก เริ่มไหววูบ ขับรถ ลงไปจอดแอบข้างทาง เบรกอย่างแรง จน ยูจิน หน้าคะมำ และตกใจ

ยูจิน : ซังฮวก
ซังฮวก : เธอหมายความว่ายังไง คัง มุยฮี เป็น แม่ของ มินฮุง หรือ
ยูจิน : ใช่
ซังฮวก : เธอแน่ใจได้ยังไง
ยูจิน : ก็ฉันเคยพบเขาครั้งหนึ่ง
ซังฮวก แว่วเสียงพ่อของตัวเองขึ้นมาว่า : ก็เด็กที่ชื่อ คั งจุนซาง ที่มาหาฉันเมื่อ 10 ปีก่อน ฉันนึกว่าเป็นลูกเธอซะอีก
ซังฮวก ร้อนใจ ขึ้นทันที
ยูจิน เรียก : ซังฮวก
ซังฮวก : เอ้อ...ฉันตั้งใจจะไปเอาของกับเพื่อน ที่โรงเรียนเก่า จะเป็นไรมั๊ยถ้าคืนนี้เราจะกลับดึกหน่อย
ซังฮวก หักพวงมาลัยรถ เลี้ยวกลับไปทางเดิม เมื่อ ถึง บริเวณ ทางลง ไปที่หมู่บ้าน ซังฮวก บอก ยูจินว่า : เธอไปรอฉันที่บ้านนะ เดี๋ยวฉันไปรับ
ยูจิน : ได้ ถ้าจะมาช้าก็โทรมานะ
ซังฮวก : เอ้อ... ได้สิ
ยูจิน ปลด เข็มขัดนิรภัย ลงจากรถ มอง ซังฮวก ที่ขับรถออกไปอย่าง งง งง
มีรถเมล์ จอดลง ข้างๆตัว ยูจิน ยูจิน ก้าวขึ้นไปนั่ง ท้ายรถเมล์ เหมือนเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว เปิดกระจกออก ลมหนาวพัดกรู กันเข้ามา
ซังฮวก โทรศัพท์ ไปหา แชรีน
แชรีน : อ้อ.... มีอะไรหรือ
ซังฮวก : ฟังนะ แล้วบอกฉันมาตามตรง เธอไปเจอ ลี มินฮุง ที่ ฝรั่งเศส จริงๆ เหรอ
แชรีน : ใช่ เธอถามทำไมเหรอ
ซังฮวก : แล้วเขาโตในอเมริกา จริง ๆเหรอ
แชรีน : ทำไมเธอถึงอยากรู้นักล่ะ
ซังฮวก : งั้นเขาก็คงไม่เกี่ยวอะไร กับ จุนซาง
แชรีน : ซังฮวก ทำไมต้องทำต้องทำแบบนี้ด้วย
ซังฮวก : หมายความว่ายังไง
แชรีน : เมื่อ สองวันก่อน มินฮุง ก็พูดถึง จุนซาง วันนี้เธอก็มาพูดอีก ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ มันมีเรื่องอะไร งั้นเหรอ
ซังฮวก : มินฮุง ถามถึง จุนซาง งั้นเหรอ งั้นแค่นี้นะ

แชรีน วางโทรศัพท์ลง ทำท่าทางครุ่นคิด
จินซุก ที่อยู่ใกล้ๆ ถาม ว่า : เป็นอะไรไปเหรอ ซังฮวก เขาว่าไงหรือ
แชรีน ลุกขึ้นยืน : ฉันจะไปข้างนอกก่อนนะ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ชน จินซุก จน จินซุก ต้องผงะถอยหลัง

แชรีน ไปที่ บริษัท มาร์เชี่ยน
พนักงาน : สวัสดีค่ะ วันนี้ท่านไม่เข้า ออฟฟิศ ค่ะ
แชรีน : ไปสกีรีสอร์ตเหรอ
พนักงาน : เปล่าค่ะ เห็นท่านบอกว่าจะไปมะรืนนี้น่ะค่ะ
แชรีน : แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าเขาไปไหน
พนักงาน : ฉันไม่ทราบค่ะ

ซังฮวก ไปที่โรงเรียน และไปหาครู การ์การ์เมล
ถูกครูจอมมาร ต่อว่าต่อขาน บรรดาศิษย์ ที่แต่งงาน แล้ว ไม่มีใครบอก ครู ซังฮวก รีบแก้ตัวว่า เพิ่งกำหนดวันงาน อาจารย์ต้องไปให้ได้นะครับ
ซังฮวก ไปหา การ์การ์เมล เพื่อ ให้ ช่วยพาไปขอดู ประวัติ ของ คัง จุนซาง
การ์การ์เมล ยอมช่วย เพราะตามระเบียบแล้วประวัติของนักเรียน จะให้ใครดูไมได้ นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ถามชื่อของ นักเรียนที่ต้องการค้นหา เมื่อทราบว่า ชื่อ คัง จุนซาง ก็ หยิบเอกสารออกมา โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหา
การ์การ์เมล : อ้าวไหนว่าต้องใช้เวลาค้นหาไง
เจ้าหน้าที่ : อ๋อ ก็เมื่อครู่นี้มีคนมาขอดูน่ะครับ
ซังฮวก ชะงัก เงยหน้าจากแฟ้ม มองเจ้าหน้าที่ ถามว่า : ใครครับ
เจ้าหน้าที่ : ผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผมให้เขาดูไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ ญาติ เขาเลยขอร้องให้ผมบอกที่อยู่ ผมก็เลยให้เขาไปน่ะครับ
ซังฮวก เปิดแฟ้มประวัติ ของ คัง จุนซาง ไล่ดูรายชื่อ แล้ว ซังฮซก ก็แตกตื่น

มินฮุง รู้ว่า คัง จุนซาง เคยเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่ชุนชง
มินฮุง เริ่มสนใจอยากรู้เรื่องราว ของ คัง จุนซาง มากขึ้นเรื่อยๆ จึงไปขอดูแฟ้มประวัติของ คัง จุนซาง ที่โรงเรียน
ต้องลำบากแทบแย่ กว่าจะได้ที่อยู่ของ คัง จุนซาง มา
มินฮุง ถือแผ่นกระดาษ ที่อยู่ ของ คัง จุนซาง เดินเหลียวซ้ายแลขวา มาจนหาบ้านของ คัง จุนซาง พบ
มินฮุง มอง ประตูบ้าน และแผ่นกระดาษในมือ ให้แน่ใจ จึงลองผลักบานประตูรั้ว ดู
ช่างโชคดี ที่ประตูไม่ได้ล๊อกกุญแจไว้ ประตูเปิดออกตามแรงผลัก
มีสวนหน้าบ้าน น่าแปลกใจที่ มินฮุง รู้สึกว่า ตนเอง คุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก เหมือนกับ เขาเคยมาที่นี่
มินฮุง เปิดประตูบ้านเข้าไป ไม่ได้ล๊อก อีกเช่นเคย มินฮุง ก้าวเข้าไปภายใน แล้วมองดูรอบๆ
สายตาหยุดที่เปียโนซึ่งเก่ามาก แผงปิดฝาคีย์ก็เปิดไว้
มินฮุง ก้าวเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง แล้วเอื้อมมือไปกดแป้นคีย์ เสียงเปียโน ดังขึ้น แล้ว ก็ มี เสียงดัง กุกกัก ดังขึ้นหน้าประตูห้อง
มินฮุง หันไปมองที่ประตู เป็น คัง มุยฮี แม่ของ มินฮุง นั่นเอง
สายตาของ มินฮุง ประสานสายตาของแม่ ทั้ง สองคน ต่างตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก เมื่อ เห็นซึ่งกันและกัน
แล้ว มินฮุง ก็เป็นฝ่าย อุทาน ขึ้นก่อน ว่า แม่ครับ คัง มุยฮี ก็ อุทานว่า มินฮุง

ที่โรงเรียน
ซังฮวก เปิดแฟ้มประวัติ ของ คัง จุนซาง ไล่ดู รายละเอียดในบรรทัดต่างๆ
จนถึง ชื่อ ผู้ปกครองของ คัง จุนซาง แล้ว ซังฮวก ก็แตกตื่น กับชื่อ ของ คัง มุยฮี

ในขณะที่ มินฮุง ก็ เปิด ประตูบ้านของ คัง จุนซาง วิ่งออกมาจากบ้าน มี คัง มุยฮี วิ่งตามออกมา ส่งเสียงเรียก : จุนซาง ...จุนซาง
มินฮุง วิ่งออกมาไม่เหลียว ดู แม่ ตรงไปเปิดประตูรถ ก้าวขึ้นไปนั่ง สตาร์ท รถ แล้ว ขับ ออกมาอย่างรวดเร็ว
คัง มุยฮี : จุนซาง
คัง มุยฮี ที่วิ่งตามออกมา ได้แต่เรียก จุนซาง แล้วก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ซังฮวก ไม่อาจเชื่อได้เลยว่า ลี มินฮุง คือ คัง จุนซาง
คัง จุนซาง ยังมีชีวิตอยู่ในร่าง ของ ลี มินฮุง ซังฮวก รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมด เหมือนเป็นความฝัน
เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย ซังฮวก พอรู้สึกได้ว่าในตัว ลี มินฮุง ก็มีลักษณะ ของ คัง จุนซาง อยู่
ซังฮวก เริ่มรู้สึกถึงตัวตนของ คัง จุนซาง ใน ลี มินฮุง ขึ้นมาอย่างชัดเจน
ที่แท้ ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นอย่างนี้นี่เอง
แล้ว ยูจินจะเปลี่ยนไปยังไง จะถูกแย่งตัวไปอีกหรือเปล่า
ซังฮวก รู้สึก ว้าวุ่น สับสน รีบออกจากโรงเรียน แต่ละก้าวย่างรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริง ราวกับอยู่ในฝัน

ซังฮวก กระหืดกระหอบ วิ่ง ขึ้นบันไดบ้าน ของแม่ ยูจิน ปากก็ร้องร้องเรียก : ยูจิน ยูจิน
แม่ของ ยูจิน ออกมา ทักอย่าง แปลกใจ และบอกว่า ยูจิน โทรศัพท์มาบอกว่า อยู่ที่ทะเลสาบ และถามว่า ทำไมมีอะไรหรือ
ซังฮวกไม่ตอบคำ แม่ วิ่งออกไปจากห้อง ทันที
ที่ทะเลสาบ

ยูจิน และเสียงเพลง memory

ยูจิน เดินไปตามแนวต้นไม้ริมทะเลสาบ ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความหลังร่วมกับ จุนซาง ที่นี่
ที่เคยซ้อนท้ายจักรายาน กับ จุนซาง
แต่ ยูจิน กลับ อึงอลด้วยเสียงแผ่วเบาระคนเศร้าใจของ มินฮุง
“ ดูสิ มันสวยมากเลยนะ ที่นี่สวยจะตาย แต่คุณน่ะเห็นอะไร คุณกลับเห็นแต่ความทรงจำที่แสนเศร้า”
ยูจิน แหงนมองเบื้องบน แล้ว ก้มหน้าลง
มองไปที่ผืนน้ำ ยูจินมองแสงตะวันที่สาดส่องลงมากระทบสายน้ำ ส่งประกายระยิบระยับ
แล้ว ยูจิน ก็มองเห็นเงา เลือน เลือน ของใครบางคน ย้อนแสงเข้ามา
แต่แล้ว ภาพนั้นก็ชัดขึ้น เป็น รูปร่างหน้าตา ของ มินฮุง จริงๆ ที่กำลังเดินเลียบริมทะเลสาบ
มินฮุง เงยหน้าขึ้นมาพอดี และประสานสายตา กับ ยูจิน ต่างมองเห็นกัน และ กัน ชัดแล้ว ทั้งสอง จ้องกัน เหมือนถูกตรึง
มินฮุง เดินขึ้นมาหา ยูจิน
ยูจิน : บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่นึกเลยนะคะว่าจะได้เจอคุณที่นี่ คุณมาสูดอากาศเหรอคะ
มินฮุง จ้องมอง ยูจิน ไม่ตอบคำถามของ ยูจิน
มินฮุง รู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ “ ฉันคือ คัง จุนซาง หรือ “
มินฮุง ยังคงพูดอะไรไม่ออก มอง ยูจิน อย่าง งุนงง จน ยูจิน รู้สึก ประหลาดใจ
ยูจิน : มินฮุง คุณเป็นอะไรไป
มินฮุง : ยูจิน ... เว้น ระยะ..ผม.... ดูแปลกมั๊ย
ยูจิน รู้สึกเป็นห่วง
มินฮุง ลดสายตาลงจากใบหน้าของ ยูจิน : ผมดูแปลก ๆ มั๊ย
ยูจิน : มีเรื่องอะไรเหรอคะ
มินฮุง ไม่ตอบ
ยูจิน : มินฮุง
มินฮุง เงยหน้ามอง ยูจิน และราวกับตัดสินใจแล้ว : ยูจิน ......หากว่าผม.... ถ้าเกิดผม... แล้ว มินฮุง ก็ พูดต่อไม่ออก
ยูจิน มองหน้า มินฮุง แล้วก็มีเสียง เรียก ยูจิน เป็น ซังฮวก ที่ ส่งสียงเรียก ยูจิน และเดินเข้ามาหา
ยูจิน : ซังฮวก เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่
ซังฮวก เดินเข้ามา สายตา มองที่ มินฮุง ตลอดเวลา
แล้วหันไปตอบ ยูจิน ว่า : แม่เธอบอกว่า เธออยู่ที่นี่
แล้วหันมาทาง มินฮุง : เจอกันอีกแล้วนะ ลี มินฮุง ซังฮวก จงใจ เน้น คำ ว่า ลี มินฮุง สามคำนี้ชัด ๆ
ยูจิน : เราบังเอิญมาเจอกันที่นี่น่ะ
ซังฮวก หันไปทาง ยูจิน : เย็นมากแล้วเรากลับกันเถอะ
ยูจิน อึกอัก เบี่ยงตัวหลบสายตา ลง : เอ้อ..เอ้อ..
ซังฮวก : เราขอตัวก่อนนะครับ
ซังฮวก คว้า มือ ยูจิน รีบเดิน ออกไปอย่างเร่งรีบ ยูจิน เหลียวมอง มินฮุง
มินฮุง ยืนนิ่ง แววตา ปวดร้าว
ยูจิน และ ซังฮวก ค่อยๆ เดินห่างออกไป

มืดแล้ว มินฮุง ยืนอยู่ข้างรถ ในท่ามกลางความสลัวลาง
มินฮุง กำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่บ้านของ จุนซาง
คัง มุยฮี : มินฮุง
มินฮุง : แม่ครับ แม่มาที่นี่ได้ยังไงครับ ที่นี่มันบ้านของ คัง จุนซาง
ไหน แม่บอกว่า แม่ไม่รู้จักเขา ก็แม่บอกผมแบบนั้นไง
คัง มุยฮี มีสีหน้าเหมือนคนสิ้นหวัง ทำท่าหันตัวกลับ มินฮุง ขยับตัวตามอย่างรีบร้อน : แม่ครับ
แล้ว ก็ชน กับโต๊ะ ที่อยู่ใกล้ มีสิ่งของอย่างหนึ่งล้มลงบนพื้น
คัง มุยฮี หันมามองตามเสียง ก็ยิ่งตกใจ หนักขึ้นไปอีก
มินฮุง ก้มลงมอง เป็นภาพของ คัง มุยฮิ แสดง ดนตรี
มินฮุง : นี่อะไรกัน ทำไม มันมาอยู่ที่นี่ รูปแม่มาอยู่ที่บ้าน คัง จุนซาง ได้ยังไง
นี่มันอะไรกัน ตอบผมมาสิครับแม่
ใคร คือ คัง จุนซาง เขาคือใคร แล้วผมเป็นใคร ใคร คือ ลี มินฮุง แล้ว ผมเป็นใคร
มินฮุง ถามเสียงดัง อย่างร้อนรน ระคนขวัญเสีย อย่างไม่เคย เป็นมาก่อน
คัง มุยฮี จนปัญญาจะบ่ายเบี่ยงได้แล้ว ตอบคำถามด้วยเสียงสั่นเครือ : แม่ ขอโทษ แม่ขอโทษ จริงๆ นะ จุนซาง
มินฮุง ทั้งตระหนก ทั้งตะลึง : ผม คือ ผมคือ คัง จุนซาง เหรอ
มินฮุง : ผมคือ คัง จุนซาง จริงๆเหรอครับ
แม่ ไม่ได้ ตอบคำอะไร สีหน้าบอกการยอมจำนน
มินฮุง เปิดประตูบ้าน และวิ่งออกมาข้างนอก ไปขึ้นรถ
แม่ วิ่งตามออกมา ได้ แต่ พร่ำเรียก : จุนซาง จุนซาง
น้ำเสียงของ คัง มุยฮี เศร้าสลด เสียงนี้ ดังกังวานกลางอากาศที่เย็นยะเยือกในฤดูหนาว แล้วเงียบหายไปโดยไม่มีเสียงสะท้อนกลับ
ใน รถของ ซังฮวก
ซังฮวก ขับรถด้วยความเร็ว ด้วยแรงอารมณ์ เหมือนมีคนไล่หลังมา
ยูจิน : ซังฮวก ขับช้าๆ หน่อยได้ไหม มันอันตรายนะ ช้า ๆ หน่อยก็ได้
ซังฮวก แสดงกิริยาที่ไม่ปกติอย่างมาก จนมาถึงทางรถไฟ ที่รถไฟกำลังวิ่งผ่าน
ซังฮวก จอดรถไว้ข้างทาง ซังฮวก ลงมาจากรถ
ยูจิน เปิดประตูรถตามลงมาด้วย
ซังฮวก จุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา สูดควันบุหรี่ลึกๆ
ยูจิน : เธอสูบบุหรี่ ตั้งแต่เมื่อไร
ซังฮวก ไม่ตอบ อัด บุหรี่เข้าปอดเต็มที่
ยูจิน : ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ว่าฉันเจอ มินฮุง โดยบังเอิญจริงๆนะ
ซังฮวก พยักหน้า ไม่ได้ทำท่าเกรี้ยวกราด : ฉันรู้
ยูจิน : เธอไม่เข้าใจนะ
ซังฮวก ยกบุหรี่ขึ้นอีก พยักหน้าน้อยๆ
ซังฮวก : นี่ เธอชอบ ลี มินฮุง ตรงไหนเหรอ เพราะเขาแค่ หน้าตาเหมือน จุนซาง
เธอคงไม่ได้รักเขา แค่เพราะเขาหน้าเหมือน คัง จุนซาง ใช่ มั๊ย
ยูจิน : ซังฮวก
ซังฮวก หันมามอง ยูจิน เต็มตัว : เธอรู้สึกยังไงกับเขาบอกฉันได้มั๊ย
ยูจิน ไม่ตอบ
ซังฮวก : มันตอบยากนักเหรอ
ยูจิน มอง ซังฮวก : ฉันขอโทษ
ซังฮวก อัดบุหรี่อีก ตั้งคำถามใหม่ว่า : งั้น แล้วเธอจะทำยังไง ถ้าหากว่า คัง จุนซาง เขายังอยู่
ยูจิน : เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ
ซังฮวก : ฉันก็แค่สงสัย ถ้าเกิดว่า จุนซาง ยังมีชีวิตอยู่ แล้วเธอจะยังอยู่เคียงข้างฉันไหม
ยูจิน เอื้อมมือไปดึงบุหรี่ออกจากมือของ ซังฮวก ทิ้งลงพื้น ใช้ เท้า ดับบุหรี่ แล้วกอด ซังฮวก : ซังฮวก เราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยนะ จุนซาง น่ะ เขาตายไปแล้ว
ซังฮวก พยักหน้าบนไหล่ของยูจิน : ใช่...ใช่แล้ว .. จุนซาง ตายไปแล้ว
คำพูดของ ยูจิน ไม่อาจปลอบโยน ซังฮวกได้ ซังฮวก ว้าวุ่นใจ กลัวว่า ยูจิน จะถูกแย่งไปอีก
มินฮุง ไปหา คุณหมอ อัน ที่เคยดูแล ครอบครัว ของ ตนอยู่ แล้วได้ความจริงมาว่า
คุณหมอ : ทุกคนคิดว่าคุณตายแล้ว คุณอยู่ในขั้น โคม่า 2 เดือน และสูญเสียความทรงจำไปหมด หมอเลยเติมความทรงจำ ใหม่ ให้ คุณ เป็น ลี มินฮุง ตามที่แม่คุณขอ การสะกดจิต ปกติ จะใช้ในการฟื้นความทรงจำ แต่ case ของคุณ มันกลับกัน

มินฮุง กลับมาจากโรงพยาบาล ที่คุณหมอ อัน ทำงานอยู่ มินฮุงได้รู้ว่า ตนเองเสียความทรงจำไป
และจากการบำบัดด้วยวิธีสะกดจิต
ช่วงเวลา สิบปีที่ผ่านมานี้ คัง จุนซาง มีชีวิต ในร่างของ ลี มินฮุง เรื่องนี้ ทำให้ มินฮุง รู้สึก วังเวงใจ
หลังจากสะสางความคิดของตนเองได้แล้ว
มินฮุง กลับไปที่บ้าน ของ คัง จุนซาง อีกครั้ง
เวลาผ่านไปถึง สิบปี แล้ว มินฮุง ถึงได้พาตนเองกลับมาสู่ตำแหน่งเดิม
มินฮุง นั่งลงที่โต๊ะ ที่ จุนซาง เคยใช้ เมื่อเปิดลิ้นชัก ก็พบกระเป๋าเงินใบหนึ่งข้างในมีภาพของ คัง จุนซาง ในวัย 18 ปี
มินฮุง รู้สึก ได้ยินเสียงของ ยูจิน ดังขึ้นมาจากภาพนั้น
“ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินทางไปดินแดนแห่งเงา ที่นั่นไม่มีใครยอมพูดกับเขาเลย ทุกคนทำหน้าตาปั้นปึ่งใส่เขา เขาก็เลยว้าเหว่มาก “
มินฮุง มองภาพนั้น แล้วเงยหน้าไปที่เพดานห้อง เพื่อกล้ำกลืน น้ำตาของตัวเอง
มินฮุง รู้แล้วว่า ชายคนนั้น ชายในดินแดนแห่งเงา ก็ คือตัวเขา นั่นเอง ( โถ..........มินฮุง และ จุน ชาง)
ซังฮวกไปหา มินฮุง ที่บริษัท มาร์เซียน ได้รับคำตอบว่า มินฮุง ไม่อยู่ ซังฮวก เลยฝากนามบัตรไว้
หาก มินฮุง กลับมา ขอให้ พนักงานสาว ผู้นั้น โทรศัพท์บอกเขาด้วย : ผมมีเรื่อง สำคัญ
พนักงานสาว รับคำว่า ได้ค่ะ

พอ ซังฮวก เปิดประตูออกมา ก็ พบกับ แชรีน ที่กำลัง จะเข้ามาในห้องพอดี

แชรีน ถามว่า ซังฮวก ว่า มาทำอะไรที่นี่ ซังฮวก ทำท่าจะตอบแล้วเปลี่ยนใจ ทั้งคู่เลยไปดื่ม กาแฟที่คอพฟฟี่ช้อป
แชรีน : เธอมีเรื่องอะไรเหรอ วันก่อนเธอโทรถามฉัน เรื่อง มินฮุง ตกลงว่ามันเรื่องอะไรเหรอ บอกฉันมาสิ
ซังฮวก : ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเลิกกับ ยูจิน จริงๆ ฉันก็เลย กังวล เลยทำผิดกับ มินฮุง
เราไปชุนชงกัน ตอนวันเกิดพ่อของ ยูจิน แล้วไปเจอเขาใกล้ๆ บ้าน ยูจิน แต่ว่ามันเป็นเหตุบังเอิญน่ะ
แต่ ฉันคิดมาก เลย รีบพา ยูจินกลับ ฉันรู้ตัวว่า ทำ กิริยาไม่ดีไป ก็เลย แวะมาขอโทษเขาน่ะ เชื่อฉัน ซี
แชรีน ทำท่าคลางแคลง ใจ
ซังฮวก ย้ำว่า : อย่าเอาไปบอกใครล่ะ ฉันอายเขา
ยูจิน อยู่กับจินซุก และโทรศัพท์ ไปหา ซังฮวก แต่ ซังฮวก ไม่รับสาย : เขาน่าจะรู้ว่า วันนี้เรามีนัดไปลองชุด แต่งงานนี่นา
แชรีน เข้ามา และวัดตัว ยูจิน โดยให้ จินซุก ช่วย จด ขนาดตัวของ ยูจิน
แชรีน ชวนคุยว่า : ได้ยินว่าเธอไปเจอ มินฮุง ที่ ชุนชงเหรอ
ยูจิน : เราก็แค่ บังเอิญ มาเจอกันน่ะ
แชรีน : ฉันรู้ ว่าแต่ มินฮุง ไปชุนชง ทำไมหรือ เมื่อวานฉันเจอ ซังฮวก ที่มาร์เชี่ยน ด้วยล่ะ
ยูจิน แปลกใจ : ที่มาร์เซี่ยน เหรอ
แชรีน : ใช่ นั่นก็แปลว่า ซังฮวก ยังกังวลใจ เรื่องของ มินฮุง อยู่นะ ฉันไม่อยากก้าวก่าย แต่เธอน่าจะแคร์เขาหน่อยนะ
เธอน่ะเป็นคนจิตใจดี แต่บางครั้งก็ชอบโลเล แถมบางครั้งก็ไม่คอยนึดถึงว่า คนอืนรู้สึกอย่างไร
( เอ... ท่าจะจริง อย่าง แชรีน ว่า นะนี่ คุณนางเอก ยูจิน)
เมื่อวัดตัวเสร็จ ยูจิน ก็ ออกจากร้านแชรีน จินซุก จะพา ยูจิน ไปเลี้ยงข้าว

ซังฮวก นั่งพิงพนักเก้าอี้ ใช้ความคิดในห้องส่ง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น : ครับ เขากลับมาแล้ว เหรอครับ ครับ โอเค ครับ
มินฮุง เข้ามาที่บริษัท มาร์เชียน
มินฮุง หยุดมองภาพ จิกซอว์ อย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง
รูปเรือ ที่ชายฝั่งน้ำ รูปเดิม
เรื่องราวที่ มินฮุง อยากจดจำไว้ มีมากมายเหลือเกิน
คุณคิม ส่งเสียงทักว่า : โอ๊ะ ..โอ๋ ... นี่มันใครกันเอ่ย...
มินฮุง หลับตาลง เมื่อ ได้ยินเสียงนี้ หันไปตามเสียง
( โธ่ คง กำลัง อยากอยู่เงียบๆ เรียบเรียงความทรงจำอันมากมาย ที่เลือนหายไปอยู่ละมั้ง)
คุณคิม : คุณหายไปไหนมาเหรอ
มินฮุง : ไปตามหาคน
คุณคิม : ใครเหรอ ...
มินฮุงไม่ตอบ หัน หน้าหนี คุณคิม เดินไปที่โต๊ะทำงาน
คุณคิม ทำเสียงถอนหายใจ เฮ้อ.... ไดเรคเตอร์ลี นี่ ทำไม ไม่หาตัวเองให้เจอ ก่อน ก่อนที่จะไปหาคนอื่นเขาน่ะ
ดูตัวเองเสียก่อน สิ จริงสิ มีเรื่องด่วน ที่คุณต้องรีบเซ็นต์ด่วนเลยทีเดียว
คุณคิม ก้มลงที่ โต๊ะ ของ มินฮุง เปิดแฟ้ม งาน ไปด้วย : แล้วผมค่อยรายงานที่หลัง คุณจะได้รีบกลับบ้าน
มินฮุง หยิบ เอกสารงานขึ้นมา คุณ คิม ส่งปากกา ให้
มินฮุง ชะงัก เมื่อ เห็น ชื่อ ในช่อง ที่ให้ลงนามที่มีตัวอักษร พิมพ์ ไว้ว่า ลี มินฮุง
คุณคิม : ทำไมไม่เซ็นต์ล่ะครับ
มินฮุง วาง เอกสาร และปากกาลง มินฮุง ไม่อาจเซ็นชื่อ ลี มินฮุง ได้ แล้วก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง
คุณ คิม ยืนงง ได้แต่ : อ้าว ... นี่ ....
มินฮุง ขับรถ ออกจากบริษัท ซังฮวก ที่จอดรถรออยู่ข้างนอก รีบขับรถ ตาม มินฮุง ไป
มินฮุง ออกมาจากลิฟท์ ก็ได้ยินเสียงว่า : คุณ ลี มินฮุง ผมมาคุยกับคุณครับ ผมมีอะไรจะบอก
มินฮุง ไม่สนใจ คงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ซังฮวก เรียกอีกครั้ง : ลี มินฮุง
มินฮุง ก็ยังไม่สนใจ เดินไปตามปกติ ซังฮวก เดินตามมา : คัง จุนซาง นั่นคุณใช่มั๊ย
มินฮุง ชะงัก หันมามอง ซังฮวก

จินซุก และ ยูจิน ที่ร้านอาหาร
จินซุก รินเหล้า ส่งเสียงเมา เฮ้อ... ชื่น ใจ ชื่นใจ ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ แชรีน พูดวันนี้หรอกนะ ซังฮวก เขาต้องเชื่อใจเธอแน่
ยูจิน : ซังฮวก เขาถามฉันว่า ฉันชอบ ลี มินฮุง ที่ตรงไหน ฉันตอบเขาไม่ได้ ฉันจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ได้ยังไง เวลาฉันมอง จุนซาง ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวฉัน มันบอกไม่ถูก เหมือนหัวใจฉัน จิตวิญญาณฉัน พร้อมใจกันอ้าแขนรับเขา ฉันนึกว่านั่นคือ รัก และนั่น คือ โชคชะตา ตั้งแต่ จุนซาง ตายไป ฉันไม่นึกเลยว่าตัวฉัน จะรู้สึกแบบนั้นได้อีก ไม่รู้เป็นแบบนั้นได้ยังไง แปลกมากเลย แต่พอมาเจอ มินฮุง ฉันก็รู้สึกแบบนั้นอีก หัวใจฉันเต้นแรงทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้ๆเขา มันเหมือนตอนที่อยู่กับ จุนซาง เขาทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งน่ะ มันเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนละคนกัน แต่หัวใจฉัน รู้สึกว่า มินฮุง กับ จุนซาง เป็นคน คนเดียวกัน มันอาจจะฟังดูแปลกๆ นะ แต่ว่าเขาสองคน เหมือนเป็นคน คนเดียวกัน อย่างน้อยฉันรู้สึกอย่างนั้น จริงๆ

ซังฮวก เข้าไปในห้องของ มินฮุง ยืนข้างหลัง มินฮุง
ซังฮวก : ผมรู้แล้ว ว่าคุณ รู้
ผมรู้ว่าเป็นคุณ ตอนได้ยินว่ามีคนมาถามข่าว คัง จุนซาง ที่โรงเรียน
คุณกลับมาทำไมอีก คุณลืมได้อย่างไร ว่าคุณ คือ คัง จุนซาง คุณเสียความทรงจำเพราะอุบัติเหตุหรือ ใช่มั๊ย ใช่มั๊ยล่ะ
มินฮุง : คุณต้องการอะไร
แล้ว มินฮุง ก็ หันมาทาง ซังฮวก : คุณมีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่
ซังฮวก : คุณ ลี มินฮุง ถึงคุณจะเป็น คัง จุนซาง มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
ถึง คุณ จะใช่ คัง จุนซาง แต่ก็ไม่มีทางได้ ยูจิน ช่วยอยู่ห่างๆ เธอไว้ได้ไหม อย่าทำให้ ยูจิน ต้องเจ็บปวดอีกเลย
มินฮุง : ทำไมล่ะ คุณบอกว่าผม คือ คัง จุนซาง
คัง จุนซาง ไม่ใช่คนที่ ยูจิน ต้องการ จริงๆ หรอกเหรอ แล้วทำไม

ซังฮวก ตะโกนเสียงดัง : คุณไม่คู่ควรกับเขาหรอกน่า ไม่ว่าจะเป็น ลี มินฮุง หรือว่า คัง จุนซาง ก็ไม่คู่ควร
ยูจิน น่ะโง่เอง ที่รัก จุนซาง จริงๆ จังๆ ทั้งที่เขาแค่หลอกใช้เธอ คุณเป็นคนพูดเอง เพราะว่าคุณเกลียดผม คุณแค่หลอกใช้เธอนั่นคือสิ่งที่คุณพูด
มินฮุง : ผมจำอะไรไม่ได้เลย คัง จุนซาง พูดอย่างนั้นเหรอ ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมนึกไม่ออก แล้วผมหลอกใช้เธอ จริงๆ น่ะเหรอ
ซังฮวก คุกเข่า ลงตรงหน้า มินฮุง : อย่าไปยุ่งกับ ยูจิน อีกเลย ได้โปรด อย่าให้ ยูจิน ต้องลำบากใจอีก แค่ สิบปี ยังไม่พออีกหรือ ยังไม่พอเหรอที่ ยูจิน ต้องเจ็บปวด มาตั้ง สิบปีเต็มๆ ผมขอร้องล่ะ อย่ามายุ่งกับ ยูจิน อีก จะได้ไหม

จินซุก คุยว่า ยอดขายที่ร้านแชรีน ดี ก็เพราะจินซุก แต่ แชรีน คิดว่าฝีมือของ แชรีน เอง และชอบสั่งให้ จินซุก ชงกาแฟ อยู่เรื่อยเลย หมั่นไส้ชะมัด
จินซุก เมาเหล้าอีกตามเคย
เมื่อ กลับไปถึง อพาร์ทเม้นท์ ทั้งคู่ ก็พบว่า ซังฮวก นั่งคอยอยู่ที่ขั้นบันได
ยูจิน : ซังฮวก ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ
ซังฮวก เดินเข้ามาหา ยูจิน และกอด ยูจิน เต็มแรง
ทั้ง ยูจิน และ จินซุก พากันตกใจ กับท่าทางของ ซังฮวก
มินฮุง นั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้อง หมุนแก้วเหล้า ไปมา ปาก พึมพำ แผ่วๆว่า ลี มินฮุง ลี มินฮุง
มินฮุง เงยหน้าขึ้น พึมพำใหม่ว่า คัง จุนซาง
มินฮุง หลับตา ฟุบลงกับพื้นโต๊ะ
ที่ร้าน แชรีน
แชรีน กำลังจะออกไปตามนัดหมาย กับกลุ่มเพื่อนๆ กำลัง คุยโทร ศัพท์ว่า : ยูจิน กับซังฮวก จะมาสายหรือ
งั้น พวกเธอ กินกันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะรีบตามไป
มินฮุง เปิด ประตูข้ามาพอดี แชรีน ดีใจ เดิน มาหา มินฮุง ถามว่า : คุณหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงคุณนะ ฉันคิดถึงคุณมากเลย
มินฮุง : ผมอยากมาถามอะไรคุณหน่อย
แชรีน : คุณ ทานข้าวเย็นหรือยัง งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยว ฉันโทร แคนเซิล เพื่อนๆ ก่อน
แชรีน พูดโทรศัพท์ : ฮัลโหล ยงกุ๊กเหรอ ขอโทษที ฉันมีธุระด่วน คงไปไม่ได้ ฝาก บอก ซังฮวก กับ ยูจิน ด้วย จะได้ มั๊ย
มินฮุง ได้ยิน จึง แย่ง โทรศัพท์ มาจาก แชรีน และพูด ต่อ ว่า : ฮัลโหล นี่ ลี มินฮุง นะ แชรีน เขาไปได้ ผมจะไปพร้อมกับเขาด้วย

ยงกุ๊ก นั่ง อยู่กับ จินซุก มอง โทรศัพท์ของ ตัวเอง อย่างแปลกใจ
จินซุก : เขาบอกว่าจะมาด้วยเหรอ
ยงกุ๊ก : หรือเขากลับไปคืนดีกับ แชรีน แล้ว
จินซุก : ไม่หรอกมั้ง คงไม่ใช่หรอก
ยงกุ๊ก : งั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่นี่

แชรีน ไม่อยาก ให้ มินฮุง ไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน : เราไปกินกัน สองคนไม่ดีกว่าหรือ
พวกเขาอาจรู้สึกอึดอัด นะคะ ไหนบอกว่ามีอะไรจะถามฉันไง เราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่ามั๊ย
มินฮุง : ไม่ละ ผมว่ามีหลายคน ที่จะช่วยตอบคำถามผมได้
แชรีน : คุณอยากรู้อะไรกันแน่นะ มินฮุง
ทั้ง สี่คน คน นั่งร่วมโต๊ะ กันอย่าง น่า อึดอัด อย่าง แชรีน บอกไว้จริงๆ
จินซุก ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น ว่า : คือ ยูจิน กำลังจะแต่งงาน น่ะค่ะ เราเลยมาร่วมยินดีกับพวกเขา ก็เลย มาดื่มฉลอง ตามสบายนะคะ
มินฮุง : ดีจริง ๆ ที่ได้เจอเพื่อนเก่า มาพร้อมหน้ากัน พวกคุณอยู่ชมรมกระจายเสียงใช่มั๊ย
ยงกุ๊ก และ จินซุก ตอบพร้อมกัน ว่า ใช่
มินฮุง : แชรีน จินซุก ยงกุ๊ก ซังฮวก และก็ ยูจิน อ้อ ....ผมจำได้ว่า มีอีกคนหนึ่งด้วย
จินซุก และยงกุ๊ก หันมามองหน้ากัน
มินฮุง : เขาชื่ออะไรนะ นึกออกแล้ว คัง จุนซาง เขา ชื่อ คัง จุนซาง ใช่มั๊ย
ซังฮวก เข้ามายืน นอกห้อง มีกระจกกั้น
มินฮุง : แล้ว พวกคุณสนิท กับเขาหรือเปล่าล่ะ คงไม่ค่อยสนิท ละซี
ซังฮวก ก้าวเข้ามาที่ โต๊ะ
มินฮุง หันไปมอง ซังฮวก : อ้าวมาแล้วหรือครับ แล้ว ยูจิน ไม่มาด้วยกันเหรอ
ซังฮวก : คุณอีกแล้วเหรอ คุณ ลี
แล้ว ซังฮวก ก็นั่งลงข้างๆ ยงกุ๊ก
มินฮุง : แล้ว คัง จุนซาง คนนั้น เขากับ ซังฮวก สนิท กันมั๊ย
ซังฮวก หันมามองหน้า มินฮุง
แชรีน : พอทีเถอะ มินฮุง
มินฮุง : ทำไมล่ะ ก็แค่อดีต พวกเขาเคย ต่อย กัน รึยังไงไม่ทราบ ยงกุ๊ก เขาต่อยกับ ซังฮวก เหรอ
มินฮุง อยากรู้ ความสัมพันธ์ ระหว่าง จุนซาง กับ ซังฮวก ว่าเป็นอย่างไรกันแน่
ยงกุ๊ก ขยับตัว : ลี มินฮุง ทำไมคุณพูดถึงคนตายแบบนั้น ทำไมล่ะ ฮึ
มินฮุง ยิ้ม : คนตายเหรอ อ๋อ เหรอ เขาตายแล้วจริงๆหรือ
ซังฮวก มอง มินฮุง ยงกุ๊ก มอง ซังฮวก แล้ว มอง มินฮุง
ยงกุ๊ก : อะไรนะครับ
มินฮุง : มันน่าแปลกนะ ผมได้ยินว่าไม่มีใครได้ไปงานศพเขาเลย คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเขาตายแล้วน่ะ
ซังฮวก : พอทีเถอะ มินฮุง

มินฮุง ไม่ได้คิดจะโทษคนอื่น ในการที่เขาเข้าใจผิด
มินฮุง เพียงแต่ รู้สึก เศร้าใจ ที่คนอื่นไม่ได้พยายามสืบหาความจริงว่า เพื่อนที่เคยคบกันมาเมื่อก่อนนั้น เสีย ชีวิต ไปแล้ว จริงๆ หรือไม่

มินฮุง : พวกคุณ เคยคิดกันบ้างหรือเปล่า เขาอาจจะยังไม่ตาย ก็ได้นะ ทำไมล่ะ บางทีเขาอาจจะเป็นโรค ความจำเสื่อม หรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อ ซะใหม่ หรือเขาอาจเปลี่ยนชื่อ เป็น ลี มินฮุง ก็ได้นะ คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าล่ะ ว่า ผมอาจจะเป็น คัง จุนซาง
จินซุก ตาโต ถามอย่างซื่อๆว่า : คุณ คือ คัง จุนซาง หรือ
ลี มินฮุง จ้องตา กับ ซังฮวก อย่างแข็งกร้าว ทุกคน มอง ลี มินฮุง ด้วยสายตา ตื่นตระหนก
มินฮุง ทำท่า ไม่ใส่ใจ ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่ จะหัวเราะ ออกมา : รู้สึกว่าเรื่องมันคงจะยุ่ง ถ้าหาก จุนซาง กลับมา
แล้ว มินฮุง ก็ลุกขึ้นยืน : แต่ว่า มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ครับ ขอโทษด้วย ที่ผม คือ ลี มินฮุง ขอตัวก่อนนะครับ
แล้ว มินฮุง ก็ ผละออกมา
มินฮุง เดินไปทางลิฟท์ ไม่หันหลังกลับ มินฮุง รู้ว่า บรรดา คนที่ฟังเขาพูดจน งวย งง นั้น จ้องตามหลังเขาอยู่ มินฮุง เดินออกมาอย่างสบายใจ
แชรีน ที่ตามออกมา แต่ไม่ทันการ มินฮุง เข้าไปในลิฟท์ แล้ว
ประตู ลิฟท์ ค่อยๆ เลื่อนปิดสนิท
แชรีน ได้แต่ เอามือแตะ ประตู ลิฟท์ ที่ปิดนั้น นึกไปถึงวัน ที่ไปหา มินฮุง ที่บาร์ประจำ “ หรือว่า ผมเป็น คัง จุนซาง “
และ คำพูดของ ซังฮวก ที่ โทรศัพท์ มาหาเมื่อวันก่อน “ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร กับ คัง จุนซาง จริง เหรอ “
และ คำพูด ของ มินฮุง เมื่อ ครู่นี้ “ บางทีเขาอาจความจำเสื่อม “
แชรีน ได้แต่ อุทาน กับตัวเองว่า “ คัง จุนซาง “

มินฮุง ลง บันได ชั้นล่าง ของตัวอาคาร
ยูจิน ก็ กระหืดกระหอบ เข้ามา เพราะ มาสาย ตามเคย
ทั้งคู่ชะงัก ยืนมองตากัน ยูจิน หลบสายตา ลงต่ำ ก่อน แล้วเงย มอง มินฮุง ใหม่

มินฮุง ก้าวเท้ายาวๆ เข้าหา ยูจิน จับแขน ยูจิน ไว้ และบอกว่า : เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย
ยูจิน : มินฮุง คุณมาทำอะไรที่นี่
ยูจิน ผลักแขน มินฮุงออกไปจากตัว : เป็นอะไรไปน่ะ ทำไม ต้องทำแบบนี้ ฉันต้องรีบไปแล้ว เพื่อนๆ กำลังรออยู่
มินฮุง จับ ยูจิน ไว้ ยูจิน สะบัดออก
ยูจิน พูดเสียงดัง : คุณเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมทำตัวไม่เหมือนเป็นตัวคุณเลย
มินฮุง : ไม่เหมือนตัวผมเหรอ ลี มินฮุง น่ะเป็นยังไง
มินฮุง ก็เสียงดังเช่นกัน
มินฮุง : ผมเป็นใคร บอกผมสิ ยูจิน ผมคือใคร
ยูจิน มอง มินฮุง อย่างแปลกใจ มินฮุง คนนี้ ดูเหมือนคนแปลกหน้า
มินฮุง : ยูจิน... ผม.... คือ.... จุนซาง

กว่าจะหลุด คำพูดนี้ออกมาได้ ช่างลำบากยากเข็ญ เสียจริงๆ มินฮุง น้ำตาคลอ
เป็นน้ำตาของ ความเจ็บปวดให้กับวันเวลาที่ มินฮุง จดจำ เรื่องในอดีตไม่ได้
กับ ยูจิน ที่เขารักอย่างสุดซึ้งในช่วงเวลานั้น
กับตนเอง ที่มายืนอยู่ต่อหน้ายูจิน แต่กลับนึกอะไรไม่ออกในขณะนี้
ให้ กับทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่เบื้องหน้า ในเวลานี้
NO MATTER WHAT
This song is the end of 12 scene

อยู่ในช่วงที่ลีมิงฮุงไปนั่งคุยกับเพื่อนในร้านอาหาร แล้วก็พูดว่า
“ เท่าที่รู้ไม่มีใครได้ไปงานศพของจุนซางแล้วแน่ใจได้ยังไงว่าจุนซางตายแล้ว เขาอาจจะความจำเสื่อมหรือว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อไปเป็น ลีมิงฮุงก็ได้”
Link เพลงค่ะ http://www.shinwoo.or.kr/cnmsic-rmance/NTingHil-NoMatterWhat.wma
No Matter What

Boyzone Andrew Lloyd Webber (music)/Jim Steinman(lyrics)

No matter what they tell us
No matter what they do
No matter what they teach us
What we believe is true
No matter what they call us
However they attack
No matter where they take us
We'll find our own way back
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know I'll love forever
I know, no matter what
If only tears were laughter
If only night was day
If only prayers were answered
Then we would hear God say
No matter what they tell you
No matter what they do
No matter what they teach you
What you believe is true
And I will keep you safe and strong
And sheltered from the storm
No matter where it's barren
A dream is being born
No matter who they follow
No matter where they lead
No matter how they judge us
I'll be everyone you need
No matter if the sun don't shine
Or if the skies are blue
No matter what the end is
My life began with you
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know, I know
I know this love's forever
That's all that matters now
No matter what
------------------------------------
แปลเนื้อเพลง ( NO MATTER WHAT)
อะไรก็ตามที่เขาบอกกับเรา
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนเรา
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
อะไรก็ตามที่เขาขนานนามให้เรา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำร้ายเราอยู่ดี
แม้จะอยู่ที่ใดก็ตามเขาก็ยังชอบเรา
เมื่อเราหันกลับมาสำรวจตนเอง
เราก็จะพานพบกับความเป็นตัวตนของเรา
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้ว่าฉันจะรักเธอตราบชั่วนิจนิรันดร์
ฉันรู้แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
เพียงแค่เสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
เพียงแค่กลางวันและกลางคืน
เพียงแค่คำแก้ตัวและคำอ้อนวอน
ถึงอย่างนั้นเราอาจได้ยินเสียงขานตอบจากพระผู้เป็นเจ้า
อะไรก็ตามที่เขาบอกคุณ
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนคุณ
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
และฉันจะคงรักษาและเก็บมันไว้ให้อย่างหวงแหนและมั่นคง
ดั่งเกราะกำบังกายกลางกระแสลมพายุที่โหมกระหน่ำ
ถึงแม้นว่าที่แห่งนั้นจะเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
ฉันจะทำให้ความฝันนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้
ไม่ว่าใครจะคอยติดตามเขา
ไม่ว่าใครจะนำพาเขาไปที่แห่งไหน
ไม่ว่าเขาจะเปรียบเปรยพวกเราว่าอย่างไร
ฉันก็ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ต้องการคุณ
หากแม้นว่าดวงสุรีย์มิอาจส่องแสง
หรือหากท้องฟ้าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
สิ่งต่าง ๆ ก็ยังดำเนินต่อไปยังไม่มีทางจบสิ้น
ชีวิตของฉันก็พร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อม ๆ กับเธอ
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้...ฉันรู้...
ฉันรู้ว่า...นี่คือความรักชั่วนิจนิรันดร์
และนั่นคือทั้งหมดในขณะนี้ที่ฉันเป็น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...

THE END
( Translator BY : Roytavan)
Scene-12: Truth of a decade ago

Lose temper:
Yoo-jin : I came right after you, why did you come so fast? You drove real fast, didn't you? I told you not to do that.
Sang-hyuk : .. I'm sorry.
Yoo-jin : Don't you feel bad about getting so angry? The person who loses temper is the loser. ... I'm sorry.

Memory place:
Yoo-jin : What a surprise. I didn't expect to see you here. Did you come out for fresh air? Min-hyung? ... What's the matter?

Min-hyung : Yoo-jin, am I ... strange? I'm really strange ...

Yoo-jin : Can you tell me ... Is something wrong? Min-hyung?

Min-hyung : Yoo-jin ... What if ... If .... If ... I ...

My herat felt them as one:
【1/2】 Yoo-jin : Sang -hyuk ... he asked me. What I like about Min-hyung ...

JIn-sook : what did you say?

Yoo-jin : I couldn't answer him. How could I put that in words? When I looked at Jun-sang I felt like something was falling inside me. Like my heart and my soul were toward him. I thought it was what love is. What destiny is. I thought I'd never feel that way again since Jun-sang died. But when I met Min-hyung something fell inside me again. As if he's back. It's not because they look alike. Not that. My heart beating disregarding what I was thinking. Just like when I was with Jun-sang ... he made me fell that way again. How is that possible? They are certainly different people. But my heart felt them as one. I sounds strange but they were like one person to me. I knew you found out.


Copyright@Amornbyj

No Matter What in WINTER SONATA-eps 12


No Matter What

This song is the end of 12 scene

อยู่ในช่วงที่ลีมิงฮุงไปนั่งคุยกับเพื่อนในร้านอาหาร แล้วก็พูดว่า
“ เท่าที่รู้ไม่มีใครได้ไปงานศพของจุนซางแล้วแน่ใจได้ยังไงว่าจุนซางตายแล้ว เขาอาจจะความจำเสื่อมหรือว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อไปเป็น ลีมิงฮุงก็ได้”

Boyzone Andrew Lloyd Webber (music)/Jim Steinman(lyrics)

No matter what they tell us
No matter what they do
No matter what they teach us
What we believe is true
No matter what they call us
However they attack
No matter where they take us
We'll find our own way back
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know I'll love forever
I know, no matter what
If only tears were laughter
If only night was day
If only prayers were answered
Then we would hear God say
No matter what they tell you
No matter what they do
No matter what they teach you
What you believe is true
And I will keep you safe and strong
And sheltered from the storm
No matter where it's barren
A dream is being born
No matter who they follow
No matter where they lead
No matter how they judge us
I'll be everyone you need
No matter if the sun don't shine
Or if the skies are blue
No matter what the end is
My life began with you
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know, I know
I know this love's forever
That's all that matters now
No matter what
------------------------------------
แปลเนื้อเพลง ( NO MATTER WHAT)

อะไรก็ตามที่เขาบอกกับเรา
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนเรา
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
อะไรก็ตามที่เขาขนานนามให้เรา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำร้ายเราอยู่ดี
แม้จะอยู่ที่ใดก็ตามเขาก็ยังชอบเรา
เมื่อเราหันกลับมาสำรวจตนเอง
เราก็จะพานพบกับความเป็นตัวตนของเรา
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้ว่าฉันจะรักเธอตราบชั่วนิจนิรันดร์
ฉันรู้แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
เพียงแค่เสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
เพียงแค่กลางวันและกลางคืน
เพียงแค่คำแก้ตัวและคำอ้อนวอน
ถึงอย่างนั้นเราอาจได้ยินเสียงขานตอบจากพระผู้เป็นเจ้า
อะไรก็ตามที่เขาบอกคุณ
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนคุณ
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
และฉันจะคงรักษาและเก็บมันไว้ให้อย่างหวงแหนและมั่นคง
ดั่งเกราะกำบังกายกลางกระแสลมพายุที่โหมกระหน่ำ
ถึงแม้นว่าที่แห่งนั้นจะเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
ฉันจะทำให้ความฝันนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้
ไม่ว่าใครจะคอยติดตามเขา
ไม่ว่าใครจะนำพาเขาไปที่แห่งไหน
ไม่ว่าเขาจะเปรียบเปรยพวกเราว่าอย่างไร
ฉันก็ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ต้องการคุณ
หากแม้นว่าดวงสุรีย์มิอาจส่องแสง
หรือหากท้องฟ้าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
สิ่งต่าง ๆ ก็ยังดำเนินต่อไปยังไม่มีทางจบสิ้น
ชีวิตของฉันก็พร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อม ๆ กับเธอ
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้...ฉันรู้...
ฉันรู้ว่า...นี่คือความรักชั่วนิจนิรันดร์
และนั่นคือทั้งหมดในขณะนี้ที่ฉันเป็น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...

THE END
( Translator BY : Roytavan)

24.3.09

[VOD] Winter Sonata Director Cut


Winter Sonata making




冬のソナタ インタビューで・・cut Ⅰ




冬のソナタ インタビューで・・cut Ⅱ


17.3.09

[VOD] Winter Sonata NG 1 - 4


Winter Sonata NG 1




Winter Sonata NG 2




Winter Sonata NG 3




Winter Sonata NG 4


Thank you so much to...myfa20...

12.3.09

เบื้องหลังการถ่ายทำละคร " เพลงรักในสายลมหนาว"/ Winter Sonata's Behind the scene


Winter Sonata's Behind the scene 1.




Winter Sonata's Behind the scene 2 (interview)




Winter Sonata's Behind the scene 3




Winter Sonata's Behind the scene 4 (shooting place)/strong>




Winter Sonata's Behind the scene 5




Winter Sonata's Behind the scene 6

10.3.09

WINTER SONATA - 10- Resolution

Winter sonata -10-Resolution



ร้าง....รัก....

การตัดสินใจ ของแต่ละคน....
ที่ทำให้ คนเหล่านั้น......
หลงทางรักของตัวเอง …..
จะโทษใคร.....
ได้แต่เสียใจ....


Episode 10- ร้าง...รัก...

ทุกคนเข้าไปในบ้าน มี กาแฟคนละถ้วย

มินฮุง : ผมนึกว่าแม่ อยู่ โซล ซะอีก
คัง มุยฮี ; แม่แค่แวะมาค้างที่นี่ ลูกมาทำงานที่นี่หรือจ๊ะ นั่นเพื่อนที่ทำงานใช่ไหม
มินฮุง ; เอ้อ..ครับ เรามาทำงาน
คัง มุยฮี : ทำไมต้องมาทำงานที่นี่ แม่ว่ามันจะไม่เหมาะนะ ที่ลูกจะแบกงานมาทำที่นี่ แม่นึกว่าลูกยุ่งซะอีก

คัง มุยฮี มีท่าทางไม่ค่อยพอใจ และไม่สบายใจที่ ลี มินฮุง พา ยูจิน มาที่บ้านพักตากอากาศในเวลาที่ดึกดื่นเช่นนี้
แววตาของ คัง มุยฮี แสดงความรู้สึกออกมาและเสียดแทงความรู้สึกของ ยูจิน
มินฮุง รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ พยายาม กลบเกลื่อน

มินฮุง หันไปทาง ยูจิน : แม่เขาอยากยึดที่นี่ไว้คนเดียว ไม่อยากให้ผมมาค้างน่ะ
หันมาทางแม่ตัวเอง : อ้อ ผมได้ยินว่าที่นี่ทะเลสาบที่คนนิยมมาตกปลา ถ้าตอนนี้เป็นหน้าร้อน เราคงได้ไปว่ายน้ำกัน
คัง มุยฮี ; นี่ลูกลืมไปแล้วหรือว่า ลูกเกือบจะจมน้ำตายตอนอายุ 7 ขวบน่ะ
มินฮุง : แม่ครับ นั่นมันที่อเมริกา ตอนที่เราไป เลคก้อน เคาน์ตี้ ไม่ใช่เหรอ
คัง มุยฮี อึกอัก ; อ้อนั่นนะซีนะ แม่นี่ก็เลอะเลือน แม่ไปสับสนกับเรื่องอื่นๆน่ะ แล้วยิ้มแหยๆ ให้ลูกชาย
มินฮุง ยิ้มปลอบใจแม่ : ก็ผมไม่เคยมาเกาหลีนี่ครับแม่
คัง มุยฮี :เอ้อ ใช่แล้วใช่ ในมือ คัง มุยฮี ยังถือถ้วยกาแฟอยู่ เส ชวน ลูกชาย และ ยูจิน ให้ ดื่มกาแฟ : ดื่มสิ ดื่มสิคะ
มิน ฮุง ยกกาแฟขึ้นดื่ม ยูจิน ทำตาม
(น่าสงสาร ยูจิน ที่ คัง มุยฮี แสดงกิริยา เฉยชา ขนาดนี้)
คัง มุยฮี : แม่กะว่า ถ้ามานอกเมือง อากาศจะดีกว่าอยู่ที่โซล
มินฮุง : ที่จริง ยูจิน เกิดที่ ชุนชง ครับ
คัง มุยฮี สีหน้าผิดปกติ
มินฮุง ; แม่เคยไปที่นั่นไหมครับ
คัง มุยฮี : อึกอักตอบ : ไม่เคย แม่ไม่เคยไปที่นั่นหรอก
มินฮุง : แม่ชอบทะเลมั๊ยครับ ว่างๆ เราจะไปกัน
มินฮุง หันไปทาง ยูจิน : อ้อ ยูจิน ช่วยเป็นไกด์ให้ได้
คัง มุยฮี ทำท่าทาง นึกขึ้นมาได้ : นี่มันดึกป่านนี้แล้วเหรอนี่ แม่คงต้องไปแล้วน่ะ แล้ว ก็ ลุกขึ้น
มินฮุง และ ยูจิน ลุกขึ้นออกมาส่ง คัง มุยฮี ขึ้น รถ รถขับออกจากบ้าน

มินฮุง : ผมไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่นี่ คุณไม่เป็นไรนะ
ยูจิน ส่ายหน้าตอบ
มินฮุง : ผมเองก็ช๊อคเหมือนกัน ผมกะจะพาคุณมาพักผ่อนที่นี่

ทั้งคู่เอามือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เพราะอากาศหนาว มินฮุง เอามือของตัวออก ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยืนออก ไปจับสองมือของยูจิน ออกจากกระเป๋าเสื้อ เช่นกัน


มินฮุง ทั้งหน้าตาและสุ้มเสียงอ่อนโยน : ผมอยากจับมือคุณไว้แบบนี้ ผมอยากปลอบใจคุณ ด้วยการจับมือ และก็มองตาคุณ ให้คุณหายเศร้า
ยูจิน ซาบซึ้ง น้ำตาคลอ ยิ้มน้อยๆให้ มินฮุง
แล้วทั้งคู่ ก็มองตากัน ถ่ายทอดความรู้สึก จากหัวใจให้กัน หัวใจที่อบอุ่นของมินฮุง ปลอบโยนหัวใจที่อ่อนล้าเศร้าสร้อยของ ยูจิน

ที่ถนน ออกจากบ้านพัก มีชาวบ้าน ขี่จักรยาน สวนทางรถของคัง มุยฮี คังมุยฮี สั่งให้จอดรถ
( แหม ขอสงสัยนิดเถอะว่า ตอน มินฮุง จอดรถ พายูจิน เข้าบ้าน รถของ คัง มุยฮี จอด อยู่ตรงไหน แถมมีคนขับรถ อีก 1 คน )
คัง มุยฮี ไขกระจกรถลง ทักทายว่า สวัสดี สบายดีเหรอ
ชาวบ้าน : สวัสดีครับ โอ้โฮ ไม่ได้เจอตั้งนานนะเนี่ย
คัง มุยฮี : จ้ะ ทุกอย่างเรียบร้อยไหม
ชาวบ้าน ; เรียบร้อยดีครับ แล้ว ลูกชายเป็นไงบ้าง สบายดีไหมครับ
คัง มุยฮี : สบายดี ฉันยังขอบคุณ คุณจริงๆนะคะ
ชาวบ้าน : โอ๊ะ ไม่ต้องหรอกครับ ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก แล้วนี่คุณกำลังจะกลับเหรอครับ
คัง มุยฮี : พยักหน้าตอบ : จ้ะ ไว้คราวหน้าฉันจะแวะมาเยี่ยมอีกนะ
คัง มุยฮี รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อ ชาวบ้านถามถึงลูกชาย จึงให้ออกรถ : ไปก่อนนะ


มินฮุง พา ยูจิน ไปนั่งที่ม้ายาว ไม่ไกลนัก มี ต้นไม้ใหญ่ ที่ ทิ้งใบจนหมดต้น ทั้งสองนั่งเคียงคู่กัน

มินฮุง : คุณหนาวไหม
ยูจิน : ไม่เป็นไรค่ะ
มินฮุง : รอแป๊บนะ
มินฮุง ขยับตัว ถอดแขนเสื้อโค๊ทที่นั่งชิด ยูจิน แล้วเอาเสื้อโอบคลุมให้ แล้วใช้มือ โอบไหล่ ยูจิน ไว้

มินฮุง : อุ่นขึ้นหรือยัง
ยูจิน พยักหน้าตอบคำ
มินฮุง นั่งไขว่ห้าง ท่าทางสบายอกสบายใจ ทำตัวตามสบาย : ดีจังเลย ผมอยากให้หนาวกว่านี้อีกนะ
( ผมจะได้กอดคุณ ให้แน่นกว่านี้ ไม่ใช่แค่โอบไหล่ คุณ กับผม จะได้ อิงแอบแนบชิดกันกว่านี้ไง ครับ)

ยูจิน หันมามองมินฮุง
มินฮุง แก้เขิน เงยหน้ามองท้องฟ้า คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด
มินฮุง : คืนนี้ไม่เห็นมีดาวเลย หิมะจะตกมั๊ยน้า......
ยูจิน : โพลาริส คุณ รู้จักไหมคะ โพลาริส
มินฮุง หันมามอง ยูจิน ตอบว่า : รู้จักสิ โพลาริส

ยูจิน หันมามองหน้า มินฮุง แล้ว มองตรงไปเบื้องหน้า รำลึกถึง จุนซาง ; จุนซาง เคยพูดให้ฉันฟัง เขาบอกว่า ถ้าเกิดว่าเราหลงทาง เราควรมองหาดาวโพลาริส ดาว ทุก ๆ ดวงจะย้ายที่ไปตาม ฤดูกาล แต่ โพลาริส น่ะ ไม่เคยย้ายที่ไปไหน มันจะอยู่ประจำที่เดิมตลอดไป
( เวลานี้ข้างกาย ยูจิน ไม่มี จุนซาง ที่เป็นดาวโพลาริส ของ ยูจิน ในยามที่ ยูจิน หลงทาง)

พอนึกถึง จุนซาง แววตา ของ ยูจิน ก็เริ่มเป็นประกาย
มินฮุง ที่เฝ้ามอง ยูจิน อยู่ตลอดเวลา รู้สึก เจ็บปวดหัวใจ : ยูจิน คุณรู้สึกเหมือนหลงทางเหรอ
( ทั้งที่ ผมอยู่ข้างคุณ อย่างนี้น่ะ)
ยูจิน หันมา น้ำตาคลอ : ก็ วันนี้ ฉันทำร้ายความรู้สึกของคนที่ฉันรัก แม่ฉัน ยงกุ๊ก จินซุก ยังซังฮวกด้วย พวกเขาอาจไม่มีวันยกโทษให้ฉัน ฉันควรทำยังไงดี
มินฮุง : เมื่อกี้ คุณบอกผมว่า โพลาริสไม่มีวันย้ายที่ไปไหน
ถ้าเกิด.... ผมยังอยู่คงที่เดิมไม่ไปไหน คุณจะหาทางออกเจอ แม้ว่า คนอื่นๆน่ะ จะไม่ยกโทษให้คุณหรือเปล่า
นี่..... คุณเชื่อใจผมมั๊ย
ยูจิน พยักหน้า
มินฮุง มอง ยูจิน ที่น่าสงสาร หางตาของมินฮุง มีร่องรอย น้ำตาเช่นกัน
ยกสองมือจับใบหน้าของ ยูจิน ยื่นริมฝีปากปากไปจุมพิต หน้าผากของ ยูจิน อย่างนิ่มนวลอ่อนหวาน
จุมพิตนี้เหมือนคำมั่นสัญญาว่า มินฮุง จะเป็น โพลาริส ให้ ยูจิน
ทั้งคู่สบตากัน มีหิมะโปรยปรายลงมา ยูจิน ซบไหล่ของมินฮุง

ที่สกีรีสอร์ต

ทุกคน นั่งคอย ซังฮวก และ ยูจิน แต่ ซังฮวก กลับเข้ามาคนเดียว
อาจารย์คิม : อ้าว ซังฮวก ยูจินล่ะ
แม่ของ ยูจิน ; อ้าว ยูจิน ล่ะ ยูจินอยูที่ไหนเหรอซังฮวก
ซังฮวก : ยูจินกลับไปโซล แล้วครับ ผมไปส่งเขาที่บ้าน
แม่ของ ซังฮวก : ลูกไปส่งเขา หรือเขาหนีไปกับแฟนของ แชรีน กันแน่
ซังฮวก เสียงดัง : แม่ครับ ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมบอกแล้วไง มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิด ผมต้องบอกอะไรแม่อย่างหนึ่ง วันที่ ยูจิน ไปงานวันเกิดของแม่ ผมทำไม่ดีกับ ยูจิน เขา ผมไม่ได้ไปส่ง ยูจิน กลับสกีรีสอร์ต
ทุกคนตกใจ
อาจารย์คิม ลุกขึ้นยืน ; นี่แกพูดจริงๆ หรือนี่
ซังฮวก ; และนั่นก็คือ เหตุผล ที่ผมอยากเร่งการแต่งงานโดยเร็ว แต่ ยูจิน ยังโกรธผมอยู่ เขาถึงทำแบบนั้น แม่ครับ ผมขอโทษจริงๆ แม่ครับ เข้าใจ ยูจิน เขาเถอะ ยูจิน เขาไม่ผิดหรอกนะครับ
ซังฮวกทำเสียงดังขึ้นไปอีก : แม่ครับ
อาจารย์คิม : ถ้าแกทำแบบนั้นกับ ยูจิน เขาจริงๆ พ่อก็ผิดหวังในตัวแกมาก
หันไปทางแม่ของ ยูจิน : เอ้อ.....ผมต้องขอโทษ จริงๆ ครับ
แม่ของซังฮวก เหมือนหัวใจสลาย ได้แต่บริภาษ ลูกชายสุดรัก น้ำตาคลอ : ไอ้ลูกชั่ว
แล้วก็รีบลุกออกไปจากที่นั่น

ซังฮวก รู้สึกว่า คำพูดของตนเองทำร้ายจิตใจใครต่อใครหลายคนในที่นั้น ที่เขาโกหกว่า ยูจิน กลับไปโซล เขาไม่ได้ทำเพื่อปกป้อง ยูจิน แต่ทำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาจะอธิบายคน อื่นได้อย่างไรว่า คู่หมั้นที่เขาจะแต่งงานด้วยในเดือนหน้า หนีไปกับชายอื่นต่อหน้าต่อตา ผู้คนมากมาย ซังฮวกเห็นกับตาว่า ทั้งสองคนนั่งรถออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซังฮวกไม่มีทางเลือก

ซังฮวก ตั้งใจจะไปวิงวอนขอโทษ แม่ของ ยูจิน แต่ ระหว่างทางโถงทางเดิน แชรีน มาดักคอยอยู่

แชรีน ; เธอโกหกใช่มั๊ย หลอกคนอื่นได้แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก ยูจิน ไม่ได้ไปโซล ใช่มั๊ย แชรีนจ้องหน้า ซังฮวก
ซังฮวก : แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
แชรีน : เขาหนีไปพร้อมกับมินฮุง ใช่มั๊ย
ซังฮวก ; เธอเป็นคนบอกแม่ฉัน เรื่อง มินฮุง กับ ยูจิน ใช่มั๊ย
แชรีน นิ่งเป็นการยอมรับโดยดี
ซังฮวก : ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น เธออยากให้พวกเขาพรากจากกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แต่ เธอก็เห็นผลลัพธ์แล้วนี่ว่ามันไกลกว่าที่เธอตั้งใจ ถ้าเธอรู้ ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เถอะ

ซังฮวก รู้ด้วยว่า ที่แชรีน ทำไปนั้น ไม่ได้หวัง จะดึง มินฮุง กลับมา ตั้งใจเพียงแต่ ให้ มินฮุง และ ยูจิน แยกจากกัน
แล้ว ซังฮวก ก็เดินจากไป แชรีน อยากพูดบางอย่าง แต่ ซังฮวก เดินไปเสียแล้ว

แม่ของ ยูจิน เก็บของใส่กระเป๋า
ซังฮวก : ผมเสียใจจริงๆ ยกโทษให้ผมเถอะครับ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง
แม่ ยูจิน : ฉันจะไปโซล ฝากขอโทษ พ่อแม่เธอด้วย ที่ไม่ได้บอกก่อน
ซังฮวก นั่งคุกเข่าลง วิงวอน : อย่าไปเลยนะครับ ไปรอที่ชุนชงเถอะครับ แล้วผมจะพา ยูจิน ไปหา อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ
แม่ ยูจิน : ไม่ได้หรอก ตอนนี้เขาอยู่ โซล ฉันถึงต้องไปหาเขา ฉันต้องไปบอกเขา ให้ ทำตัวให้ดีกว่านี้
ซังฮวก : คุณแม่ครับ
แม่ ยูจิน : ซังฮวก บอกความจริงฉันมาเถอะ ตอนนี้ ยูจิน อยู่ที่ไหน ฉัน รู้จักเธอดี เธอต้องไม่ทำอย่างนั้นแน่ และฉันก็รู้จัก ยูจิน แน่ใจนะว่า ยูจิน อยู่ที่ โซล
ซังฮวก ก้มหน้านิ่ง
แม่ยูจิน : เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นใช่ไหม แล้วเขาอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหนกันนะ บอกฉันมาสิ ตกลงเขาไปกับ มินฮุง เหรอ ตอนนี้เขาอยู่ด้วยกัน ใช่มั๊ย ล่ะ
ซังฮวก เงยหน้าน้ำตาคลอ : แม่ครับ ผมขอโทษ

แม่ของ ยูจิน เชื่อมั่นว่า ซังฮวกไม่ใช่เด็กหนุ่ม ที่จะทำเรื่องราวอย่างนั้นเด็ดขาด ยูจิน ก็เหมือนกัน แต่เรื่องที่นางไม่สบายใจ คือ เวลานี้ ยูจินไม่ได้อยู่ที่โซล แต่อยู่ กับ ลี มินฮุง


( นี่เป็น อุทาหรณ์นะคะ ว่า คน ที่ว่า เรา คิดว่ารู้จัก ดี ทุกแง่ ทุก มุม จะเป็น อย่างที่ เราเคยเห็น เรา เคย รู้จัก ซังฮวก ภาพพจน์ ดีมาตลอด ในสายตา ของแม่ ยูจิน ขนาด สารภาพ ความไม่ดีของตัวเอง แต่ คนอื่นไม่เชื่อ..)

แม่ของ ยูจิน คว้ากระเป๋า ออกไปหน้าโรงแรม ซังฮวก ยังพยายามทัดทาน
แม่ ยูจินบอกว่า : ฉันต้องไปโซล เพื่อรักษาชื่อเสียงของ ยูจิน ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้
ซังฮวก ขอขับรถไปส่ง
แม่ ยูจิน : ขนาดนี้แล้ว ฉันยังกล้าให้เธอไปส่งเหรอ ฉันอาย จนไม่กล้ามองหน้าเธออีกแล้ว ขอโทษนะ ซังฮวก
(อุ๊ย !!! คุณแม่ขา มองซังฮวก ดีไปหมด เชียวนะคะ )


ผลที่สุดซังฮวก ก็ได้แต่มองตามหลัง รถ แท็กซี่ คร่ำครวญว่า : คุณแม่ คุณแม่ ผมเองก็ไม่อยากเสีย ยูจิน ไปเหมือนกันครับ



ที่บ้านพัก ตากอากาศของมินฮุง

ยูจิน ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
มินฮุง ทักว่า : ยูจิน คิดอะไรอยู่

มินฮุง หอบหมอน ที่นอนปูกับพื้น เดินลงบันไดมา พูดต่อว่า : ผมจะนอนชั้น 2 คุณนอนชั้นล่างแล้วกันนะ หลับให้สบายจะได้ดีขึ้น

ยูจิน : ดีขึ้นแน่ ถ้าพรุ่งนี้ ฉันตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มินฮุง ยิ้ม เดินมาจับไหล่ของยูจิน : ไว้ ตื่นขึ้นมาค่อยคิดก็แล้วกัน ราตรีสวัสดิ์ นะครับ
ยูจิน มอง มินฮุง ที่เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

รุ่งเช้า
ยูจิน ลืมตาตื่น ขึ้น แสงแดดในฤดูหนาวสว่างเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในห้องอย่างเต็มที่ ยูจิน เดินไปที่ห้องรับแขก
จิตใจของ ยูจิน รู้สึก แจ่มใส หลังจากตื่นขึ้นมา
ยูจิน รู้สึกว่า จิตใจเปลี่ยนแปลงไปทันทีที่เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้า หัวใจ ของ ยูจิน ก็เบิกบานขึ้น

บนโต๊ะ มีแก้วนม และ จานผลไม้ มีหยดน้ำเล็กๆ เกาะบนผลไม้ และกระดาษข้อความของ มิน ฮุง ยูจิน ยิ้มออกมา เอื้อมมือไปเด็ดมะเขือเทศ ลูกเล็กๆ เข้าปาก ชีวิตเช้านี้น่ารื่นรมย์ แต่ความเบิกบานใจ นี้อยู่ไม่ได้นาน เมื่อ ยูจิน หยิบโทรศัพท์มือถือ มาเปิดดู แล้ว ก็สำนึกว่า ความเป็นจริงที่ต้องเผชิญนั้นหนักหนาสาหัสเหลือเกิน ข้อความในโทรศัพท์ ที่ปรากฏแต่ละครั้งทำให้ ยูจิน ใจหาย ยูจิน ปิดโทรศัพท์ นี่คือความจริงที่ ยูจิน ไม่อาจแบกรับได้

ยูจิน เดินออกไปข้างนอก นั่งที่ม้ายาว ตัวที่นั่งกับ มินฮุง เมื่อคืนนี้
มินฮุง ขับรถเข้ามาจอดใกล้ๆ เห็น ยูจิน นั่งก้มหน้าใช้ความคิด ยูจิน ไม่รู้ตัว จน ได้ยินเสียงของมินฮุง : ตื่นแล้วเหรอ

ยูจิน ลุกขึ้นยืน มินฮุง เดินเข้ามาหา : เมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่า
ยูจิน : ค่ะ แล้ว ยูจินก็ชะโงก มองของที่ มินฮุง ถืออยู่ เป็นตะกร้า มีปลา เป็น ๆ ดิ้นอยู่ 4 ตัว
อุทานว่า : ยังเป็นๆ อยู่ คุณตกมาเองหรือคะ
มินฮุง : อ๋อ นี่นะเหรอ คือผมซื้อมาน่ะ
ทั้งคู่ หัวเราะ กันอย่าง แจ่มใส เบิกบาน

ในครัว

มินฮุง กำลังหั่นผัก ทำท่าทะมัดทะแมง เอาการเอางาน
ยูจิน เดินเข้ามา บอกว่า : ฉันทำให้ค่ะ
มินฮุง : ไม่เป็นไร ผมทำเองได้
ยูจิน เอื้อม มือ ไปที่มือของมินฮุง : ฉันทำเอง
มินฮุง หลบ ; ไม่เป็นไร รอแป๊บนึง นะ ผมมีอะไรให้ดู

มินฮุง หั่นผักต่อ แล้วก็โดนมีดบาดนิ้ว มินฮุง ทำเสียง ซีดส์ปากเพราะเจ็บ ยูจิน ก้มหน้าลงไปดูใกล้ ๆ
มินฮุง ยกนิ้วที่โดนมีดบาด ใส่ปาก ดูดแผล สั่นหน้า ตามองที่ ยูจิน เป็นทำนองว่า ไม่เป็นไรครับ
( ท่าทาง ยงจุน น่ารัก มาก นะคะ ขอบอก ไม่ใช่ ลี มินฮุง คะ ยงจุน ค่ะ ยงจุน ต่างหาก)

ยูจิน เอื้อมมือ ไปดึงมือของ มินฮุง ออกจากปาก
มินฮุง หัวเราะ : ไม่เป็นไร บาดแค่นิดเดียวเอง
ยูจิน : เห็นมั๊ยเล่า ให้ฉันทำดีกว่า แล้ว ยูจิน ก็เอามือดันตัว มินฮุง ให้ถอยออกไป
แล้ว ยูจิน ลงมือหั่นผักแทน
มินฮุง เดินไปได้ 2-3 ก้าว ก็ หันมามอง ยูจิน ที่หั่นผัก เสียงบอกความชำนาญ
มินฮุง ยืนยิ้มอย่างมีความสุข : มันรู้สึกอย่างนี้เอง
ยูจิน เงยหน้าขึ้นมอง มินฮุง แล้วก้มลงหั่นผักต่อ
มินฮุง เดินกลับมา เอาสองมือ ท้าวโต๊ะ : คุณ คิม เคยบอกผมว่า ผู้ชายทุกคนต่างมีความฝัน มีภรรยาแสนน่ารัก เราแค่นั่งรอเดี๋ยวเดียว ก็ได้กินดินเนอร์ สุดหรูแล้ว หันไปยิ้มกับ ยูจิน : ผมรู้แล้ว มันรู้สึกยังไง
ยูจิน ยิ้มตอบ


ทั้งคู่ นั่ง รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน มินฮุง เอาช้อนตักน้ำแกงในชาม
ยูจิน : เป็นไงคะ
มินฮุง : อร่อยมาก ขอบคุณมากนะ ยูจิน
ยูจิน : เรื่องอะไรคะ
มินฮุง : สำหรับมื้อเช้าที่แสนวิเศษ
ยูจิน ยิ้ม
มินฮุง : นี่ นานแล้วนะ ที่ผมไม่ได้กินข้าวเช้ากับคนอื่น



มินฮุง เปิดประตูรถ ขึ้นไปนั่งด้านคนขับ มอง ยูจิน ที่ยังคุยโทรศัพท์ อยู่นอกรถ
จุงอา หรือ ฉันเอง
จุงอา ; อ้าว ยูจิน เหรอ
ยูจิน ; ขอโทษนะ แม่ฉันเป็นอย่างไรบ้าง
จุง อา : แม่เธอไปโซลแล้ว ยังไม่ได้เจอกันเหรอ
ยูจิน : โซลหรือ
ยูจิน ขึ้นรถมานั่งข้าง มินฮุง
มินฮุง ; คุณจะไปไหนล่ะ
ยูจิน ; ไปโซลค่ะ
มินฮุง นิ่ง
ยูจิน : ฉันว่า ซังฮวกคงไม่ได้บอกให้ทุกคนรู้นะค่ะ
มินฮุง พยักหน้า: แล้วคุณพร้อมหรือยัง
ยูจิน เงยหน้ามองมินฮุง เป็นเชิงถาม
มินฮุง ยิ้มให้ : พร้อมที่จะเจ็บปวด
ยูจิน : ฉันต่างหากที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวด
มินฮุง ; ไปกันเถอะ คาด Sest Belt ด้วย แล้ว มินฮุงก็ออกรถ


ที่สกีรีสอร์ต
อาจารย์คิม ยืนรอที่ข้างรถ ซังฮวก และแม่ เดินตามมา
ซังฮวก : พ่อครับไปกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะตามไป
อาจารย์ คิม : โอเค.... ว่าแต่ ลี มินฮุง คนนั้น
ซังฮวก ; ผมบอกพ่อแล้วไงครับ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดหรอก
อาจารย์ คิม พยักหน้า : พ่อรู้ดี
จุงอา และคุณคิม เดินออกจากที่พัก เพื่อจะไปทำงาน
จุงอา : หิมะตกมากเลย
คุณ คิม : เขาไปกันหมดแล้วเหรอ
จุงอา : ค่ะ
คุณคิม : พายุเพิ่งจะหมด แต่พายุจริงๆเพิ่งจะมาถึงนะเนี่ยะ ได้ข่าว ยูจิน บ้างไหม
จุงอา : ไม่เลย
คุณคิม : คุณว่าผมคิดถูกไหมเนี่ยะ
จุงอา : อะไรคะ
คุณคิม : ก็พวกเขาหนีไปด้วยกันน่ะซี
จุงอา : คุณนี่จะบ้าหรือไง พูด อย่างนั้นออกมาได้ไง บ้าจริงๆ
คุณคิม : ไปทำงานกันดีกว่า

ในรถของซังฮวก
จินซุก ; นี่ ซังฮวก เธอทำแบบนั้นกับ ยูจิน จริงๆเหรอ
ยงกุ๊ก หันไปข้างหลัง : นี่พวกเขาก็โตๆ กันแล้วนะ แล้วแถมยังหมั้นกันแล้วด้วย ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยนี่นา ถามแปลกนี่นะ
จินซุก อึกอัก : คือฉัน ..ฉัน.. คือฉันหมายความว่า
: ซังฮวก ยูจิน กลับไปโซล แล้วจริงๆหรือ จริงเหรอ
ซังฮวก ไม่ตอบ

มินฮุง ขับรถ พา ยูจิน มาถึงที่พักของ ยูจิน
มินฮุง ; ห้องคุณ อยู่ตรงไหนครับ
ยูจิน ชี้ขึ้นไป : อยู่ชั้น 3 ค่ะ
มินฮุง ; อ้อ.... ตรงนั้นเอง
ยูจิน ; ฉันต้องไปแล้วนะคะ
มินฮุง มอง ยูจิน หัวใจของ มินฮุง ร้อนรุ่มขึ้นมา : แล้วคุณจะกลับไปที่โน่นใช่ไหม
ยูจิน พยักหน้า : แล้วฉันจะรีบกลับไปค่ะ
มินฮุง ดึง ยูจิน เข้ามากอด เสียงลมหายใจของ ยูจิน ทำให้หัวใจของ มินฮุง สั่นไหว
มินฮุง กอด ยูจิน สายตาเงยขึ้น น่ารักมากๆ เลย ( นากะจุน วาดภาพนี้ไว้ด้วยนะคะ)

แล้ว มินฮุง ก็ปล่อย ยูจิน ; ไปสิ
ยูจิน พยักหน้า เดินไปแล้วหันมามองดู มินฮุง มินฮุง พยักหน้าให้
ยูจิน หันมามองดู มินฮุง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น หัวใจของ ยูจิน ปวดร้าว ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เมื่อยูจินมองเห็น มินฮุง ในสภาพเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก
มินฮุง รู้สึกได้ว่า เมื่อ ยูจิน หันมามองเขานั้น หัวใจของ ยูจิน ปวดร้าวเพียงไร
มินฮุง ยังจดจำเสียงลมหายใจที่แผ่วเบา ของ ยูจินได้ชัดเจน แล้ว มินฮุง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ยูจินกำลังเศร้าใจ


ยูจิน เปิดประตูบ้านเข้าไป พบว่า แม่นั่งคอยที่โต๊ะ ยูจิน เรียก แม่คะ
แม่ ทำเฉย หมางเมินให้เห็น ยูจิน นั่งลงที่เก้าอี้ ตรงข้ามแม่
แม่ ยูจิน : ลูกกล้าทำแบบนี้กับ ซังฮวกได้อย่างไร รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ ซังฮวก เขาเป็นอย่างไร เขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ซังฮวก เขาไปทำอะไรให้ ลูกถึงต้องทำกับเขาแบบนี้ แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย เขาทำอะไรผิดกับลูกยังงั้นเหรอ บอกแม่มาสิ แม่จะได้เข้าใจเสียที
(ท่าทางโมโห พูดเสียงดังเชียว คุณแม่ )
ยูจิน : เขาไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ ไม่เลย
แม่ยูจิน : งั้นลูกเป็นอะไรไปเล่า .... หรือว่า......อย่าบอกนะว่า เพราะ ลี มินฮุง คนนั้นน่ะ เพราะเขาใช่ไหม เป็นเพราะเขาใช่ไหม ลูกชอบเขามาก ขนาดนี้เชียวหรือนี่ ขนาดกล้าทิ้งคู่หมั้น ที่คบกันมา 10 ปี งั้นเหรอ ยังงั้นใช่ไหม ยูจิน บอกแม่สิ ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ แล้ว แม่ ก็ร้องไห้ บอกแม่มาสิว่า ทำไม ฮึ!!
ยูจิน : แม่คะ หนู...น่ะ ... ไม่ได้รักซังฮวกเลยค่ะ...
แม่ ยูจิน ตะลึง ราวกับฟ้าถล่มโลกทะลายลงมา อย่างฉับพลัน แม่รีบฉวยกระเป๋า ลงบันไดตึกมาข้างล่าง ยูจิน ร้องเรียกแม่ วิ่งตามออกมา แม่ก็ไม่สนใจ
ยูจิน : แม่คะ แม่ฟังหนูก่อน ให้หนูอธิบายก่อนสิคะ แม่คะ
แม่ หันมา : แกเป็นลูกสาวฉันจริงๆเหรอ แกใช่ลูกฉันจริงๆหรือ แล้ว หันกลับ เดินอ้าวไปที่ถนน


แม่ไม่สนใจว่า ยูจิน จะร้องเรียกด้วยความร้อนใจแค่ไหน เดินออกมาจนพ้นบริเวณแฟลต แม่ไม่เชื่อว่า ยูจิน จะทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ถึงขนาดนี้ พูดออกมาได้อย่างไร ว่าไม่รักผู้ชายที่คอยปกป้อง ดูแลเหมือนเงาตามตัวมาถึงสิบปีเต็ม

( โอ๊ย คุณ แม่เกาหลี คนนี้ แย่จริงๆ ลูกสาว กำลังมีความทุกข์ แทนที่จะรับฟัง เรื่องราวคำอธิบาย แล้ว หาทางช่วยลูก แก้ปัญหาหากเห็นว่าลูกสาว ทำสิ่งที่ผิด ก็ต้อง แนะนำสอนสั่งให้ เป็นเรื่องราว แล้ว จริงๆ เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ก็ไม่ถามไถ่คุณแม่เกาหลีคนนี้ สอบตก ความเป็นแม่ เอาแต่โมโหโทโส ภาษาของหนังจีน ต้องใข้คำว่า ไร้เหตุผลสิ้นดี นะคะคุณแม่)


ยูจิน กลับมานั่งร้องไห้ คนเดียวในห้อง
จินซุก และ ยงกุ๊ก เปิดประตูเข้ามา จินซุก ทิ้งกระเป๋า ถลาไปหาหายูจิน : ยูจิน ฉันรู้ว่า เธอต้องอยู่ที่นี่จริงๆ กอด ยูจิน ปลอบใจ ฉันเชื่อเธอนะ ยูจิน
ซังฮวก เดินตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย มองด้านหลังของยูจิน


ในห้องส่วนตัวของ ยูจิน

ซังฮวก ยืนหันหลังให้ ยูจิน หันหน้าออกหน้าต่าง ส่วน ยูจิน นั่งที่เก้าอี้หน้าเตียง ข้างนอกห้อง ยงกุ๊ก และจิ นซุก หันรีหันขวางแล้วมองหน้ากันอยู่ที่หน้าประตู คอยสังเกตการณ์ (ทำท่าเหมือนจะแอบฟัง )
ซังฮวก : ช่วยบอกเหตุผลมาได้มั๊ย ฉันน่ะไม่ดีพอยังงั้นเหรอ ฉันทำอะไรผิดเหรอ

(ว้าว คุณ ซังฮวก ยังไม่รู้ตัวอีกว่า 1. คุณไม่หล่อ 2. คุณ เป็นแค่พระรอง 3. คุณ แหวกกฎ พระรองแสนดี ของวัฒนธรรมละครเกาหลี คุณไม่ทำตัวเป็นพ่อพระแสนดี แถม ติดนิสัย ตัวโกงมาอีกต่างหาก ดิฉัน เป็นแค่คนดู ยังไม่ชอบคุณเลยค่ะ บางที ก็หมั่นไส้ บางทีก็สมน้ำหน้าคุณด้วยค่ะ)
แต่ ยูจิน เขาเป็นนางเอก เขาเลย ทำแบบนี้
ยูจิน ส่ายหน้า
ซังฮวก ยังยืนหันหลังให้ ยูจิน
( เอ แล้วรู้ได้ไง ว่า ยูจิน ทำอะไร คงเพราะไม่ได้ยิน เสียง ยูจิน ตอบมั้งนะคะ) : ถ้างั้นทำไมล่ะ
ซังฮวก หันมามอง ยูจิน พูดต่อ : เขาไม่ใช่ จุนซาง ซะหน่อย ทำไมต้องเลือกเขา แทนฉันด้วยเฮอะ ทำไมเธอถึงชอบเขานัก

ยูจิน นึกถึงคำพูดของ มินฮุง ขึ้นมาทันทีในเวลานั้น “ ถ้าเรารักใครจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก”
ยูจิน ตอบ ซังฮวก ว่า : ฉันไม่มีเหตุผลหรอก แล้ว ยูจิน ก็น้ำตาไหลริน
ซังฮวก มอง ยูจิน ในละคร ไม่สื่อว่า ซังฮวก คิดอะไร
( เพราะคนแสดง สื่อ ความทางสายตาไม่เก่ง เหมือนยงจุนน่ะค่ะ แต่ คุณ รำพรรณ เขียนไว้ว่า ท่าทางเย็นชาของ ซังฮวก น่าหวาดหวั่น เวลานี้เขาเริ่มรู้สึกชิงชัง เมื่อเห็นเธอหลั่งน้ำตาออกมา เขาชิงชังที่เธอมักจะมีน้ำตาเร็วกว่าคำพูดเสมอ เอาแต่บีบน้ำตาให้คนอื่นเห็น ใจโลเลแสดงตัวเป็นคนอ่อนแอ ...
..คุณ ซังฮวก คุณเข้าขั้น เป็นเจ้าวายร้ายแล้วนะ

และที่แย่กว่านั้น เขาเคยเฝ้าดูแล ยูจิน มา ตั้งแต่เธอยังฝังใจอยู่กับ จุนซาง เป็นเวลาแสนนานไม่รู้จักจบสิ้น เขาทนกล้ำกลืนในช่วงวันคืนที่ผ่านมา และสุดท้ายกลับได้รับผลตอบแทนแบบนี้ )

ซังฮวก ; อยากเลิกกับฉันใช่ไหม
ยูจิน น้ำตาอาบหน้า
( แต่ ซังฮวก เวลานี้ มีแต่ความเห็นแก่ตัว จึงไม่มีความสงสาร ยูจิน )
ซังฮวก : ตอบมาสิ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ
ยูจิน แหงนมอง ซังฮวก นิ่ง
ซังฮวก ยังขู่เข็ญ : ใช่มั๊ย
ยูจิน ; ฉันขอโทษ
ซังฮวก ฟังแล้ว เจ็บปวดเหลือเกิน น้ำตาเอ่อ ถอนใจ : ฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้เธอ ไม่มีวัน...
แล้วผลุนผลัน เปิดประตูห้อง เดินผ่านหน้า ยงกุ๊กและจินซุกออกไป ยงกุ๊ก วิ่งตาม เรียก ซังฮวก ซังฮวก
จินซุก พลอยตามไปอีกคน


มินฮุง ไปหาแม่ที่โรงแรม ที่แม่พักอยู่
คัง มุยฮี : ลูกกลับมาที่นี่เลยหรือ
มินฮุง : ครับ
แม่วางถ้วยกาแฟให้
คัง มุยฮี : ดีจังเลย งั้นคืนนี้ เรากินดินเนอร์ด้วยกันนะ
มินฮุง ยกกาแฟขึ้นจิบ
คัง มุยฮี : มีอะไรกลุ้มใจยังงั้นเหรอ ลูกกลุ้มใจอยู่หรือจ๊ะ เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นนะหรือ
มินฮุง : เขาจบจากโรงเรียน ที่ชุนชง และเคยชอบผู้ชายที่หน้าตาเหมือนผม
คัง มุยฮี : ชะงักถ้วยกาแฟที่ยกขึ้นจะดื่ม
มินฮุง พูดต่อ ; แต่ว่าเขาตายแล้ว
คัง มุยฮี ตกใจวางถ้วยกาแฟลงบนจานรอง แต่ ถ้วยเอียงล้ม กาแฟหก เปรอะ
มินฮุงก็ตกใจ หันขวับมา : แม่ครับ ไม่เป็นไรนะ ช่วยตั้งถ้วยกาแฟให้
คัง มุยฮี : เดี๋ยวแม่ไปล้างมือก่อน
มินฮุง งง กับท่าทางของแม่

มินฮุง ขับรถกลับ สกีรีสอร์ต นึกถึงภาพการกระทำแปลกๆ เป็นความผิดปกติของ แม่ ภาพที่แม่ทำกาแฟหก ท่าทางแปลกๆ ที่บ้านพักตากอากาศ จนรถถึงที่หมาย แต่ มินฮุง ก็ยังคงนั่งอยู่บนรถอีกนาน จึงขึ้นไปห้องพัก หยุดยืนคิดอีก

ยูจิน นั่งนึกถึงคำพูดของ ซังฮวก : ฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้
เมื่อ ยูจิน เปิดประตูห้องออกมา ก็พบ จินชุก และกระเป๋าเสื้อผ้าบนโต๊ะ
จินซุก : ยูจิน ฉันขอโทษนะ แต่ฉันไม่อยากเจอหน้าเธอตอนนี้นะ ฉันจะไปอยู่ที่ร้านของ แชรีน สักพักหนึ่ง
ยูจิน : จินซุก
จินซุก : ยูจิน เธอเป็นเพื่อนฉันนะ แต่ ซังฮวก ก็เป็นเพื่อนฉันด้วยเหมือนกัน ฉันขอโทษ
แล้ว จินซุก ก็คว้ากระเป๋า หิ้วออกไปจากห้อง
น่าสงสาร ยูจิน แม่ ซังฮวก และจินซุก ต่างพากันจากไปแล้ว

การจะรักใครสักคน เป็นเรื่องที่ไม่น่าอภัยกันเลยหรือ จะต้องแลกกับสิ่งล้ำค่าอย่างนี้ด้วยหรือ จะต้องพบแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวเท่านั้นหรือ


จินซุก ไปที่ร้าน แชรีน

แล้วต้องตกใจที่เห็น แชรีน ดื่มเหล้ามากมาย เข้าไปห้าม แชรีน
แต่ แชรีน กลับ โมโห พูดเสียงดังว่า : เธอนึกว่าเธอเป็นใคร ทั้งหมดก็เพราะเธอ ถ้าเธอไม่บอก มินฮุง ว่า เขาหน้าตาเหมือน จุนซาง ถ้าเธอไม่สาระแน บอกเขาทุกอย่าง เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้
จินซุก ก็โกรธเป็น เหมือนกัน : ก็ได้ ฉันจะไปจากที่นี่ ฉันขอลาออก ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว
แชรีน ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ เพื่อน : ก็ดี ไปเลย ไปให้พ้นเลย ไป พวกเธอเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างไหม พวกเธอเคยเป็นเพื่อนฉันมั๊ย พูดไปร้องไห้ไป พวกเธอเข้าข้าง ยูจิน ตลอดเลย ไปเลย ไปให้พ้น ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า
จินซุก หันกลับมามอง แชรีน เดินเข้าไปหา นั่งลงข้างๆ แชรีน เอื้อมมือไปจับไหล่ แชรีน ทำเสียงปลอบ : แชรีน
แชรีน โผเข้ามาซบ จินซุก ร้องไห้ไปพูดไป : จินซุก ฉันควรทำยังไงดี ฉันรัก มินฮุง จริงๆ
จินซุก ได้แต่กอด แชรีน
แชรีน คร่ำครวญ : ฉันควรทำยังไงดี ฉันรักเขาจริงๆนะ
จินซุก ร้องไห้ สงสาร แชรีน
แชรีน ได้ แต่ พูด ช้ำๆ : ฉันควรทำยังไงดี

ยูจิน เปิดลิ้นชัก หยิบกล่องใส่แหวนหมั้นขึ้นมาเปิดดูแหวน แล้ว วางคืนที่เดิมในกล่อง ซังฮวก เธอไม่มีวันให้อภัยฉัน

มินฮุง นั่งจมความคิดอยู่ที่โซฟา ลุกไปเปิดม่านออก แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในห้องทันที
สายตาของมินฮุง มองสำรวจเบื้องล่าง แล้วก็พบเห็น สิ่งหนึ่ง มินฮุง ยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบผละออกจากหน้าต่าง ลงไปข้างล่าง วิ่งออกไปยังที่พบเห็นสิ่งถูกใจเมื่อครู่
ยูจิน ยังอยู่ ตรงที่ มินฮุง มองจากข้างบนห้อง มินฮุง มอง ยูจิน จากที่ไกล แล้วก็เดินตาม ยูจินไป โดยทิ้งระยะห่าง พอสมควร ยูจิน เดินผ่านใต้ร่มไม้ ไปตามเส้นทางเล็กๆ ในป่าของ สกีรีสอร์ต แล้วเดินข้ามสะพานไม้ เล็กๆ มินฮุง เดินตามรอยเท้า ยูจินไป



ยูจิน รู้สึกว่า มีคนเดินตามมา ใกล้เข้ามา ก็ หันไปมอง ก็เห็น มินฮุง อยู่ อีกฟากของสะพาน ยูจิน หยุดเดิน มินฮุง ก็หยุดเดินเช่นกัน
มินฮุง ; ผมเป็นห่วงคุณมากเลย คุณไม่เป็นไรนะ
ยูจิน : ฉันสบายดีค่ะ แต่ใบหน้าเศร้า ตามเคย
มินฮุง มองหน้า ยูจิน ก็พลอยปวดร้าวใจ ที่เห็น ยูจิน เป็นเช่นนั้น

มินฮุง ค่อยๆเดินข้ามสะพาน มายืนเบื้องหน้า ยูจิน แบ มือของตัวเอง ยื่นส่งให้ ยูจิน ยูจิน ค่อยๆ วางมือของเธอ ลงบนมือ ของ มินฮุง มินฮุง จับมือ ยูจิน แน่น และพาเดินไปตามทุ่ง หิมะ ทิ้งรอยเท้า เป็นแนวเคียงคู่กันไปบนพื้นหิมะที่ขาวโพลน

มินฮุง ปั้นก้อนกิมะ กลมๆ แล้ว โยนให้ ยูจิน ยูจินรับไว้ แล้ว ปากลับให้ มินฮุง
มินฮุง ล้มลุกคลุกคลาน คล้าย จุนซาง เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว




มินฮุง ไปเก็บบอลหิมะที่ข้ามตัวเขาออกไปไกล ปั้นหิมะก้อนให้แน่นขึ้น
มินฮุง : นี่คือของขวัญจริงๆ รับให้ได้ล่ะ เอาล่ะ แล้ว มินฮุง ก็ตั้งใจโยนให้ ยูจิน รับไว้ได้ พลางบอกว่า : สำหรับคุณ
ยูจิน รับบอลหิมะ สายตามองมินฮุง
มินฮุง ทำท่าให้ ยูจิน ดูโดย ใช้สันมือ ฟันบอลหิมะในฝ่ามือ 2 ครั้ง ยูจิน ว่าง่าย ว่าไง ว่ากัน
ยูจิน วางบอลหิมะ ที่รับมา กลางฝ่ามือซ้าย ใช้สันมือขวา ฟันผ่าบอลหิมะ หิมะแตกกระจายออกมา



ชั่วพริบตานั้นเอง สร้อยคอ ห้อยจี้เพชร เป็นรุป ดาว โพลาริส ดวงใหญ่ เรียงไปดวงเล็ก ก็ส่องประกายแสงสีขาว วูบวาบออกมา

ยูจิน ยกสายสร้อยขึ้นชู สีหน้า ยูจิน สดใสราวหิมะขาวบริสุทธิ์

มินฮุง ที่จ้องมอง ยูจิน สีหน้าสดใส เช่นกัน



ยูจิน แหงนคอ เอาสติคเกอร์ ดาว โพลาริส ติดไว้บน ผนังหลังคารถ ของ มินฮุง เรียงกัน จาก ดวงใหญ่ ไล่เล็ก ลงไปเรื่อย รวม 5 ดวง

เมื่อ มินฮุง เปิดประตู เข้ามานั่ง เห็นท่าทางแปลกๆ ก็ ทำปากและหน้าตา ถาม ยูจิน

ยูจิน แหงนมอง หลังคารถ ใช้นิ้วมือชี้บอก

มินฮุง มองตามก็พบดาวโพลาริส เข้าแถว ประดับหลังคารถ

ตัว ยูจิน เอง เอามือ จับ สายสร้อย โพลาริส ที่สวมอยู่ ยกขึ้นมาอวด แล้ว จับเขย่า ๆ ส่งยิ้มร่าเริงให้ มินฮุง

มินฮุง ยิ้มตอบอย่างแจ่มใสใจเบิกบาน


แม้แต่คุณคิม เมื่อเข้ามานั่งในรถของ มินฮุง ก็ ต้องแหงน มอง สติกเกอร์ ดาวโพลาริส ของ ยูจิน เห็นแล้ว ก็หัวเราะชอบอกชอบใจ แกล้งเอื้อมมือไป ทำท่าจะแกะสติกเกอร์ออก

มินฮุง รีบ คว้า มือ คุณคิมไว้ (ขี้เล่นเหลือเกิน...คุณคิม)


ยูจิน นั่งคอย มินฮุง อยู่ที่โซฟาของโรงแรม ยงกุ๊ก โทรศัพท์ มาหายูจิน บอกยูจินว่า ซังฮวก เป็นบ้าไปแล้ว ไม่พูดกับใครไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน และออกจากงานแล้วด้วย ขอให้ ยูจิน ช่วย ซังฮวก ถ้า ยูจิน กลับมา ซังฮวก ต้องดีขึ้นแน่ๆ ถ้าทิ้งไปแบบนี้ ซังฮวก ยิ่งไม่เป็นผู้เป็นคน ยูจิน ได้แต่บอกว่า ขอโทษ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก แล้ว ยูจิน ก็กดปิดโทรศัพท์


มินฮุง เดิน เข้ามา ส่งยิ้ม มาให้ ยูจิน แล้ว เปลี่ยนเป็นหน้าตาเคร่งขรึม เมื่อเห็นท่าทางของ ยูจิน ทรุดตัวลงนั่ง ตรงหน้า ยูจิน
ยูจิน : มาแล้วหรือคะ
มินฮุง : กลุ้มเรื่องซังฮวกเหรอ
ยูจิน : ตอนนี้เขาอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บางทีเขาก็ชอบทำอะไรโง่ๆ ฉันรู้ดีค่ะ
มินฮุง เกิดอาการไม่สบายใจตามมา
ยูจิน : พอเวลาผ่านไป เขาคงดีขึ้นเองนั่นแหละ ใช่ไหมล่ะคะ
มินฮุง : จาก ขรึม ไม่สบายใจ ตอนนี้ ก็ หน้า เศร้า ยามมอง ยูจิน

( ยงจุน ต้องรับบท มินฮุง หนักมากเลยนะนี่ แค่แสดงสีหน้า ก็ เหนื่อยยากแล้ว โถ..ยงจุน)



แม่ของ ซังฮวก มาหา ยูจิน ที่สกีรีสอร์ต อ้อนวอน ยูจิน : ตอนนี้ ซังฮวก อยู่ โรงพยาบาล ถ้าเธอทำแบบนี้เพราะฉัน ฉันก็ขอร้องล่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันขอโทษจริงๆ นี่ ยูจิน ช่วย ซังฮวก ด้วยเถอะ ถ้าเธอ แต่งงานกับเขา ฉันจะให้เธอทำงาน และให้เธอทุกอย่าง ฉันจะยอมทุกอย่าง อย่าทำให้เขาต้องทำร้ายตัวเองอีกเลย ฉันขอร้องละนะ ฉันขอร้องเธอละนะ ทำเพื่อฉันได้ไหม ถือว่าฉันขอร้องล่ะ ทำเพื่อฉันเถอะนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอร้องจริงๆ
ยูจิน : หนูต้องขอโทษจริงๆค่ะ ยูจินได้แต่นั่งก้มหน้า
แม่ซังฮวก ; เธอทำไม่ได้จริงๆเหรอ ทำไมเธอไม่นึกถึง ตอนที่เธอเคยอยู่กับเขาบ้างล่ะ เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่นึกว่าเธอจะใจร้ายแบบนี้ แล้วแม่ของ ซังฮวก ก็น้ำตาไหล หยิบกระเป๋าถือเดินออกไป
ยูจิน ได้แต่นั่งหน้าเศร้า


คุณ คิม เห็น แม่ของซังฮวก มาหา ยูจิน


มินฮุง นั่งอ่านรายงานที่โต๊ะทำงาน มีคุณคิม นั่งตรงกันข้าม
คุณคิม : เพื่อนผมมีหมาอยู่ตัวนึง รู้จัก “ ค็อกเกอร์ สเปเชี่ยล “ มั๊ย มันร่าเริงมากเลย
มินฮุง สายตาอ่านรายงานในมือ แต่ก็ถามว่า : แล้วไง
คุณคิม : เขากินด้วยกัน แล้วก็นอนด้วยกัน เขาบอกหลังจากอยู่กับหมาตัวนั้นมา 10 ปี
มินฮุง เงยหน้ามองคุณคิม
คุณคิม : พวกเขาก็ไม่อาจพรากจากกันได้เลย (หัวเราะ) และพอดีตอนนั้น เขาซื้อ อพาร์ตเม้นท์ใหม่ หลังจากย้ายเข้าไปอยู่ เพิ่งรู้ว่าเขาห้ามเลี้ยงหมา แล้วรู้มั๊ยเขาทำอย่างไร เขาก็เลยยกหมาให้เพื่อน แต่ไม่กี่วันหมาตัวนั้นก็ตาย เพราะเป็นโรคซึมเศร้า พอเขารู้ เขาก็ร้องไห้ทั้งวัน งานการไม่เป็นอันทำ
มินฮุง เอามือท้าวคาง นั่งฟังอย่างสนใจ : แล้วไง
คุณคิม ; ผมว่า 10 ปี มันก็นานพอดูนะ ขนาดหมามันยังรู้สึกเลย ถ้าเป็นคน คงจะแย่กว่าแน่ๆ
มินฮุง เอามือ ออก : อยากจะพูดอะไรกันแน่
คุณคิม : ก็เพราะ ซังฮวก น่ะสิท่าทางเขาคงจะเป็นหนักนะ วันนี้แม่เขาก็มาที่นี่
มินฮุง ทำท่าแปลกใจ ; อย่างงั้นเหรอ
ทำท่าคิด : แล้ว ยูจิน เขาเป็นไงบ้างล่ะ
คุณคิม : ก็ท่าทางสับสน ถ้าจะให้วิเคราะห์ ละก้อ ข้อ 1.เขารู้สึกเป็นห่วง ข้อ 2. รู้สึก ผิด มากเลย ข้อ 3. เขากำลังเสียความมั่นใจ
มินฮุง หลับตา ก้มหน้าลง
คุณคิม ; แล้วคุณว่าคำตอบคือข้อไหนล่ะ

มินฮุง ออกไปที่บริเวณของสถานที่ก่อสร้างด้านหน้า คิดถึงคำพูดของคุณคิม

มินฮุง มองผ่านกระจกหน้าต่างเข้าไป เห็น ยูจิน นั่งอยู่คนเดียว ภายใต้แสงไฟสลัวราง มีงานอยู่ในมือ แต่เหมือน ยูจิน เลื่อนลอย เศร้าหมอง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มินฮุงจะเข้าไปทักทาย แล้วต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ ไม่ว่า ยูจินจะร้องไห้มากเพียงไร ก็ยังจะมีเรื่องที่ทำให้ ยูจิน ต้องร้องไห้ ตามมาอีก ยิ่งเห็น มินฮุง ก็ยิ่งเศร้าใจไปด้วย

มินฮุง เดินคอตก ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอด แล้วขับไปตามถนนยามค่ำคืน ไปยังโรงพยาบาล ที่ซังฮวก นอนป่วยอยู่ มินฮุง ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันได ทีละขั้นๆ เดินไปใช้ความคิดไป จนถึงหน้าห้องของซังฮวก หยุดยืนที่หน้าประตู แล้วค่อยๆ แง้มบานประตูออก เห็น ซังฮวก นอนซมอยู่บนเตียง ซูบผอม ซีดเซียว มี แม่ ถือชามอาหาร พยามยามพูดอ้อนวอนให้ ซังฮวก กินอาหาร : ซังฮวก ทำไมไม่ยอมกินล่ะลูก เดี๋ยว ยูจิน ก็มา แม่ไปขอร้องเขา เขาต้องมาแน่ๆ กินอะไรบ้างซักคำ ก็ยังดีนะลูก


มินฮุง เดินจากมา มินฮุง ไม่อาจทนดูใบหน้าที่ซีดเซียว ของ ซังฮวก และไม่อาจทนฟังเสียงที่ร้อนใจราวกับถูกไฟสุม ของ ปัก แชอุน หัวใจของ มินฮุง เจ็บปวด ซังฮวก ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงทุกข์ทรมานเพียงใด มินฮุง ก็ทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน มินฮุง คิดไม่ออกเลยว่าตนเองควรทำอย่างไร


การปกป้องคนที่ตนรักช่างลำบากยากเย็นเหลือเกิน มินฮุง เองยังทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ แล้วจิตใจของ ยูจิน ล่ะ จะเป็นอย่างไร พอคิดขึ้นมา มินฮุง ก็ได้แต่พยายามสะกดใจที่ว้าวุ่นให้สงบลง


เมื่อ มินฮุง กลับมาถึง สกีรีสอร์ตอีกครั้ง หิมะก็โปรยปรายลงมา มินฮุง ลงจากรถเดินไปตามทางเดินสลัวเพียงลำพัง พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงัก


ยูจินอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก เดินอยู่ท่ามกลางหิมะ ปล่อยให้ความหนาวเย็นล้อมรอบกาย
ยูจิน คิดถึงแต่ คำพูด ของแม่ซังฮวก : รู้ไหมตอนนี้ซังฮวกอยู่ในสภาพไหน ถ้าเธอได้ไปเห็นสภาพของซังฮวก เธอคงไม่กล้าปฎิเสธ
และเสียงของยงกุ๊ก : ถ้าเธอกลับไปหาเขา เขาต้องดีขึ้นแน่ๆเลย


มินฮุง ก้าวไปหา ยูจิน ยกมือทั้งสองจับไหล่ของยูจิน ทางเบื้องหลังแน่น ยูจิน ไม่ได้หันมามองเลย ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง อยู่อย่างนั้น มีเสียงทุ้มและอบอุ่นของ มินฮุง บอกว่า



“ เริ่มจากเท้าขวาก่อน
เท้าขวา
เท้าซ้าย
เท้าขวา เท้าซ้าย.....”
ยูจิน ทำตามที่ มินฮุง บอก เธอก้าวเท้าออกไปอย่างต่อเนื่อง
มินฮุง : รู้มั๊ยว่าก้าวเล็กๆ ทีละก้าว ทีละก้าว รวมกันแล้ว มันคืออะไร
ยูจิน หันไปมองหน้า มินฮุง
มินฮุง ; เป็นเวลาไงล่ะ มีสิ่งหนึ่งที่ผมอิจฉา ซังฮวก เขามากเลย รู้ไหมอะไร เวลาไงล่ะ ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับคุณ สิบปี ก็เหมือนกับการก้าวทีละก้าว
ยูจิน ก้มหน้า
มินฮุง : เราไม่สามารถก้าวสองเท้าพร้อมๆกันได้


มินฮุง ไม่อาจปฎิเสธหรือคัดค้านได้ ช่วงเวลาที่ ซังฮวก อยู่ร่วมกับ ยูจิน มา ช่วงเวลานั้น เป็นของ ซังฮวก กับ ยูจิน แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ มินฮุง เหมือนตัดสินใจบางอย่างได้


มินฮุง ; คุณ เป็นห่วง ซังฮวก ใช่ไหม
ยูจิน เงยหน้ามอง มินฮุง
มินฮุง ; คุณไม่อยากไปหาเขาเหรอ
ยูจิน ส่ายหน้า น้ำตาคลอ ยูจิน : ซังฮวก น่ะเขาไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขาจะต้องไม่เป็นไร แล้ว ยูจิน ก็เดินจาก มินฮุง ไป


มินฮุง รู้สึก เจ็บแปลบในหัวใจอย่างรุนแรง เกล็ดหิมะที่ขาวโพลน บนใบหน้าของ มินฮุง ราวกับจะรับรู้ ความเจ็บปวดของ มินฮุง
มินฮุง ได้แต่มอง ยูจิน



เมื่อกลับมาที่ห้องพัก มินฮุง ไม่อาจข่มตาให้หลับได้เลย เวลานี้ทุกคนต่างก็เจ็บปวดทรมาน ไม่ว่าจะเป็น มินฮุง ยูจิน และ ซังฮวก


มินฮุง เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ความทุกข์ทรมานนี้จะยุติลงได้ ก็ต่อเมื่อ มีใครคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้ตัดสินใจหรือเลือกที่จะปลีกตัวออกไปก่อน ด้วยเหตุนี้ มินฮุง จึง ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น ถึงมินฮุงจะเจ็บปวดเพียงใดก็ยังพอทนได้ แต่หาก ยูจิน ต้องเจ็บปวดไปด้วย มินฮุง คงไม่อาจทนได้เลย มินฮุง ปรารถนา ที่จะแบกรับเอาความทุกข์ทรมานของ ยูจิน มาเป็นของตนเอง มินฮุง ยินดีที่จะให้ความทุกข์ทรมานทั้งหมดมาเป็นของตน เช่นนี้แล้ว มินฮุง จึงจะสามารถทนรับความทุกข์ทรมาน ทั้งหมดได้


ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร มินฮุง ก็ต้องตกลงไปในห้วงลึกของความเจ็บปวดรวดร้าว นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ตัดสินใจลงไป ถึงแม้ว่าในภายหน้า มินฮุง อาจจะรู้สึกเสียใจ ที่ได้ตัดสินใจลงไป แต่อย่างน้อยในขณะนี้ มินฮุง ยินดีที่จะยอมรับว่า การทำเช่นนี้ทำให้ ยูจิน เจ็บปวดน้อยลง


มินฮุง ตัดสินใจ ที่จะพา ยูจิน ไปเยี่ยม ซังฮวก ถึงแม้ว่า เมื่อ ยูจิน เห็น ซังฮวก ยูจินอาจตัดสินใจกลับไปอยู่ข้างกายของ ซังฮวก เพราะ ยูจิน คงรู้สึกปวดร้าวที่เห็น ซังฮวก ในสภาพนั้นเหมือนที่ มินฮุง เองเคยรู้สึก มินฮุง จำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อลดความทุกข์ทรมาน ของ ยูจิน ในขณะนี้


มินฮุง หวั่นใจเหลือเกิน เพราะ ยูจิน อาจจะไม่มาอยู่ข้างกายของ มินฮุง อีก ทั้งนี้เพราะ ยูจิน กับ ซังฮวก เคยคบกันมาถึง สิบปี มินฮุง ไม่มีสิทธิ์ และไม่มีกำลังอะไรที่จะไปทำลายความผูกพันของ ยูจิน และซังฮวก มินฮุง คงได้แต่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในทรวงอกและพลุ่งพล่านขึ้นมากดทับถึง ลำคอ

มินฮุง จะต้องต้อนรับเช้าของวันใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้


( โอ้...โอ๋ กระไรเลย บ่มิเคย ณ ก่อนกาล.........


( รัก เอย.....จริงหรือที่ว่า หวาน....หรือทรมานใจคน.... ความรักร้อยเล่ห์กล..... รักเอย ลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ....)


ช่างน่าสงสาร มินฮุง เสียนี่กระไร เจ็บช้ำดวงฤดี แทบชีวีวาย เสียยิ่งกว่า ซังฮวก เสียอีก ไหมคะ)



รุ่งเช้า


มินฮุง จูงมือ ยูจิน เดินไปที่รถ
ยูจิน ; เราจะไปไหนกันคะ
มินฮุง : ไปที่ที่หนึ่ง
ยุจิน : คุณจะไปไหน
มินฮุง ; ตามผมมาเถอะ นี่เป็นที่ ที่คุณ อยากไป ขึ้นรถสิ
ยูจิน แม้จะงง แต่ ก็ ขึ้นไปนั่งบนรถ


( สังเกตไหมคะ ว่า ยูจิน เชื่อมั่น มินฮุง มาก ทั้งที่ ตัว ยูจิน เอง เป็นคนมีความมั่นใจ ในตนเอง สูง แต่ ยูจิน เชื่อ ฟัง และทำตาม สิ่งที่ มินฮุง บอกเสมอ เพราะ ยูจิน รับรู้ ถึง ความจริงใจ ที่ มินฮุง มีให้ และ มินฮุง จะไม่มีวันทำร้ายเธอ----รู้สึก แบบเดียวกับคนเล่าไหมคะ)


มินฮุง จอดรถ ที่โรงพยาบาล ทั้งสองคน นั่งเงียบเฉย กันพักใหญ่ มินฮุง หันไปมองยูจิน พูดก่อนว่า : เข้าไปสิครับ
ยูจิน ; แบบนั้นมันไม่ถูก คุณก็รู้นี่นา
มินฮุง : มันถูกต้องแล้ว ก็คุณเป็นห่วงเขาไม่ใช่เหรอ
ยูจิน : ฉันเป็นห่วงเขา แต่ฉันตัดสินใจแล้ว ว่า จะไม่เป็นห่วง พาฉันกลับเถอะค่ะ
มินฮุง : ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ คุณไปหาเขาเถอะ ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่
ยูจิน : แล้วถ้าเกิดฉัน กลับมาอีกไม่ได้ล่ะคะ ฉันอาจจะกลับมาไม่ได้อีก ถ้าฉันไปเจอเขาน่ะ
ยูจิน หันไปมองมินฮุง
ยูจิน : แล้วคุณจะทำอย่างไร


มินฮุง : หน้าเศร้า นิ่งนาน แม้จะเตรียมใจ ไว้แล้ว รวบรวม จิตใจ ที่จะตอบ ยูจิน ไปว่า : ก็ไม่เป็นไรนี่ ก็ยังดีกว่าที่ผมจะได้เห็น คุณทุกข์ใจ
มินฮุง แหงนมอง ดาวโพลาริส ประจำรถ
มินฮุง : ยูจิน คุณหาดาวโพลาริส เจอหรือยัง ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ แต่ว่า แม้ว่าเวลาผ่านไป แม้จะนานสักแค่ไหน คุณจะกลับถูก คุณจะหาทางกลับมาถูกหรือเปล่า
ยูจิน : แน่นอนค่ะ ฉันต้องกลับถูกแน่ๆ
มินฮุง นั่งรอ ยูจิน ในรถ


ยูจิน เข้าไปเยี่ยมซังฮวก
ซังฮวก ลืมตา เห็น ยูจิน -ขยับตัวจะลุกขึ้น ยูจิน กดตัว ซังฮวก ให้นอนลง น้ำตาไหล
ยูจิน ; ไม่เป็นไรใช่ไหม
ซังฮวก : ฉันไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องห่วง ไม่ต้องร้องไห้สงสารฉันหรอก
ยูจิน ร้องไห้
ซังฮวก ; แม่ฉันไปหาเธอใช่ไหม ได้ยินจากเพื่อนเราด้วย ฉันกำลังจะตายเพราะเธอ เธอถึงร้องไห้แบบนี้ต่อหน้าฉัน
ยูจิน : ฉันขอโทษ
ซังฮวก : ไม่ต้องพูด ฉันไม่อยากได้ยิน มาหาฉันที่นี่ เธอคงรู้สึกดีขึ้น เธอไปแล้วฉันล่ะ ฉันจะอยู่ยังไง เธอจะอยู่ข้างๆ ฉันได้ไหม
ยูจิน : ขอโทษนะซังฮวก
ซังฮวก : ฉันไม่อยากได้ยิน ไปเถอะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว หมอฉีดยาให้ ฉันกินข้าวได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะออกได้แล้ว
ยูจิน : ซังฮวก
ซังฮวก : ฉันเห็นเธอ ฉันก็ยิ่งเจ็บ ไปเถอะ ไปซี่


ซังฮวก รู้สึกชิงชัง คำว่า ขอโทษ ของ ยูจิน จนไม่อาจทนได้ คำนี้ ยูจิน พูดออกมา เพื่อให้ ตัว ยูจิน เองสบายใจขึ้นไม่ใช่เหรอ พูดออกมาเพื่อยืนยันว่าเธอได้มาแล้วมิใช่หรือ เพราะถึงแม้จะเห็นเขานอนป่วยอยู่บนเตียง ยูจิน ก็ไม่แสดงท่าที่จะเปลี่ยนใจแม้แต่นิดเดียว ซังฮวก ยิ่งแค้นใจ ทำไม ยูจิน ใจร้ายกับเขาถึงเพียงนี้หนอ ทั้งที่คบกันมาถึง สิบ ปี


ยูจิน ไม่อาจทนสายตาที่เย็นชา ของ ซังฮวก ได้ จึงออกมานอกห้อง แต่ยังไม่อาจตัดใจไปจากสภาพเช่นนี้ จึงนั่งลงที่เก้าอี้นอกห้องผู้ป่วย เพื่อระงับความเจ็บปวดและว้าวุ่นในจิตใจ ความรู้สึกของ ยูจิน เปลี่ยนจากความเศร้าใจ กลายเป็น สงสาร ซังฮวก


ซังฮวก ดึงสายน้ำเกลือออก
มีพยาบาลเวร เข้ามาพบ ยูจิน จึงต้องตกใจ ที่หมอ และพยาบาล วิ่งกรูกันเข้าไปในห้อง ซังฮวก ยูจิน ตามเข้าไป
หมอบอกว่า ; หวิดไป ถ้ามาช้าอีกนิดเดียว ต้องทรุดหนักกว่านี้แน่
ยูจิน เข้าไปทุบ ซังฮวก ; นี่อะไรกัน เธอจะบ้าแล้วเหรอ ทำไม ร้องไห้ไป ทุบไป ทำไมถึงทำแบบนี้ ยูจิน ซบลงกับอก ซังฮวก ซังฮวก ยกมือ มากอด ยูจิน
จินซุก และ ยงกุ๊ก ตื้นตันใจ


มินฮุง เฝ้ารออยู่ในรถ รอตั้งแต่เช้า จนพลบค่ำ ยูจิน ก็ยัง ไม่ลงมา ถ้า ยูจิน จะลงมา ก็ลงได้มาจนได้ นั่นแหละ แต่ นี่ ยูจินไม่ลงมา.. มินฮุง ตัดสินใจ Start รถ


ที่สกีรีสอร์ต


ยูจิน สำรวจตัวเอง เอาสายสร้อยโพลาริส ที่มินฮุงให้ ปกติ จะห้อยนอกเสื้อ คราวนี้ ยูจิน เก็บไว้ข้างในเสื้อ ไม่ให้ใครเห็น
ยูจิน กลับมาหลายวันแล้ว หลังจากช่วย ให้ ซังฮวก ออกจากที่โรงพยาบาล และเรื่องที่ ซังฮวก ลางาน ใช้เวลาหลายวัน
ยูจินกลับมาเคลียร์งาน และเตรียมกลับ โซล


ยูจิน เดินผ่านห้องของ มินฮุง ยูจิน รู้สึกลังเล เพราะไม่ได้บอกลา มินฮุง ยูจิน รู้ดีว่า มินฮุง ให้อภัยเธอ ยูจิน คิดว่า ที่ มินฮุง พาเธอไปหา ซังฮวก ที่โรงพยาบาล มินฮุง ก็ทำใจได้แล้ว


ที่ลานจอดรถ


จุงอา พูดว่า : เธอจะไปแบบนี้เหรอ ไม่ลาเขาหน่อยเหรอ
ยูจิน : ไม่หรอก
ยูจินบอกลา คุณ คิม ที่ลานจอดรถ แล้วสายตาของ ยูจิน ก็ประสานกับสายตาของ มินฮุง ที่ยืน อยู่ ระยะไกล
มินฮุง เดินเข้ามา
ยูจิน บอก จุงอา ว่า รอฉันแป๊บนะ


ทั้งสองคน เดินไปท่ามกลางหิมะโดยที่ไม่มีใครพูดสักคำ นี่เป็นเส้นทางที่ทั้งสองคนเคยเดินเคียงคู่กัน นับครั้งไม่ถ้วน


แล้วยูจินก็พูดขึ้นว่า ; ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าจะขอโทษคุณ ไม่ว่าเรื่องใดๆ เพราะว่า คุณได้ส่วนสำคัญที่สุดของฉันไป คุณได้หัวใจของฉันค่ะ ฉันถึงไม่เสียใจเลย ฉันรักคุณค่ะ
ยูจิน มอง มินฮุง น้ำตาคลอ และเดินเฉียด มินฮุง จากไป แต่ มินฮุง คว้าตัว ยูจิน เข้ามาในอ้อมกอด
มินฮุง เสียงสะท้าน : ขอบคุณนะยูจิน ขอบคุณที่บอกผม


ยูจิน ค่อยๆยกแขนขึ้นโอบกอด มินฮุง ครู่หนึ่ง แล้วจึงผละจากอ้อมแขน ของ มินฮุง ทิ้งมินฮุง ให้ ยืนเศร้าสร้อยเพียงลำพัง ยูจิน จากไปโดยไม่เหลียวหลัง ร่างของ ยูจิน ค่อยๆ ห่างออกไป จากมินฮุง


มินฮุง ไม่อาจจับ ยูจิน ไว้ มินฮุง ยืนอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่เย็นยะเยือกยามฤดูหนาว ปล่อยให้ ยูจิน จากไปตามลำพัง มินฮุง ไม่อาจคว้าตัว ยูจินไว้ มินฮุง ควรจะดึงรั้ง ยูจิน ไว้จนสุดชีวิต บอก ยูจิน ว่า เขา ไม่อาจปล่อยเธอไปได้ แต่ มินฮุง กลับไม่อาจขยับตัวเองได้ ถ้า มินฮุง ยังยึด ยูจิน ไว้จะทำให้ ยูจิน จากไปด้วยความทุกข์มรมาน มากขึ้นไปอีก มินฮุง จึงได้แต่เพียง ยืนนิ่งไม่ไหวติงดุจรูปปั้น


มินฮุง ช่วย คิดแทน ยูจิน หลายเรื่อง เพื่อช่วยให้ ยูจิน จากไป แม้ว่า จริงๆแล้ว มินฮุง ไม่อยากให้ ยูจิน จากไป ก็ตามที มินฮุง ก็ไม่แน่ใจว่า เขาจะเข้มแข็ง และจะมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างไร หลังจากที่ ยูจิน จากไป แต่ว่าเมื่อเทียบกับ ที่ต้องคอยดู ยูจิน ทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่องแล้ว การยินยอมให้ ยูจิน จากไป น่าจะดีกว่า มินฮุง คิดเช่นนี้


ส่วน ยูจิน ก็ เป็นห่วงว่า มินฮุง จะเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อถูกละทิ้งไว้ ยูจิน จึงมอบหัวใจ ให้มินฮุง ก่อนจากไป
หัวใจของ ยูจิน ไม่ใช่หัวใจที่ว่างเปล่าไร้ชีวิต เป็นหัวใจที่เปี่ยมด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ ยูจิน และ มินฮุง อยู่ร่วมกัน เป็นช่วง เวลาที่ ยูจิน หายใจ พูดคุย อยู่ข้างกาย ของ มินฮุง อย่างเป็นสุข ยูจิน เอา อารมณ์ ความรู้สึกทั้งหมดนี้มอบไว้ในหัวใจ ของ มินฮุง หาก ยูจิน ไม่เหลืออะไรไว้ให้ มินฮุง เลย แม้แต่ความทรงจำ บางที มินฮุง อาจจะดิ้นรน เพื่อรั้ง ยูจิน ก่อนที่ ยูจินจะจากไป

นั่นคือสิ่งที่ คนที่มีความรักอย่างจริงใจ ควรจะทำ และนั่นเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ ยูจิน มอบไว้ให้เป็นของขวัญ ที่ได้จากการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งว่า ความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร มินฮุง โอบกอดของขวัญชิ้นนี้ไว้อย่างแนบแน่น แม้ว่าจะทุกข์ทรมาน เจียนตาย แต่ มินฮุง ก็จะทะนุถนอมของขวัญ ชิ้นนี้ไว้ มินฮุง เริ่มก้าวไปช้าๆ ตามรอยเท้าของ ยูจิน จนไม่เห็นรอยเท้าของ ยูจิน อีก ที่ตรงนั้น มีรอยเท้าของ ยูจิน ปน เป กับรอยเท้าของคนอื่น จนไม่อาจหาร่องรอยพบ


มินฮุง หันกลับไปมองเส้นทางที่เคยเดิน เคียงกันกับ ยูจิน ในสกีรีสอร์ตด้วยความอาลัยอาวรณ์ ภาพของ ยูจิน ผุดขึ้นมาในสมองของ มินฮุง


ลมหิมะที่พัดแผ่วเบามาตลอด กลายเป็นพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง มินฮุง เปลี่ยนเส้นทางเดินราวกับจะชะล้างความเจ็บปวดภายในใจออกไปให้หมด


มินฮุง เดินเข้าไปใกล้บริเวณรถหิมะที่มีหิมะทับถมกันอยู่ ยูจิน ที่เคยอยู่ข้างกาย มินฮุง ได้จากไปแล้ว


ผมทำถูกหรือเปล่า ที่ปล่อยคุณไปอย่างนี้ ยูจิน ถ้าเส้นทาง ที่คุณเดินไปลำบากแสนเข็ญ เดินต่อไปไม่ไหวละก้อ ได้โปรดกลับมาอยู่ข้างผมเถอะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมจะรอคุณอยู่เสมอ



( ความเห็นส่วนตัว ---นี่น่าจะเป็นข้อแตกต่าง ระหว่าง คัง จุนซาง และ ลีมินฮุง หากเป็น คัง จุนซาง ดิฉันคิดว่าคงไม่มีทางปล่อย ยูจิน ให้ ซังฮวก แบบนี้แน่ จุนซาง คงจะไม่คิดอะไร แทน ยูจิน แบบนี้ คิดเองเออเอง จุนซาง ต้องถามความสมัครใจของ ยูจิน ว่า นี่คือสิ่งที่ ยูจิน เลือกเองหรือเปล่า ต้องการหรือเปล่า จุนซาง คงไม่เลือกให้ แต่ จุนซาง น่าจะทำให้ ยูจิน รู้สึก ว่าความรักที่ จุนซาง มอบให้ ล้ำค่ามากมาย สามารถลบเลือน ความทุกข์ทั้งปวง ของ ยูจินได้ หากซังฮวก จะอ่อนแอ ถึง กับตาย ก็ควรต้องปล่อยให้ตายไปเสียเลย เป็นชาย ใจปลาซิว แบบนี้ จะมาปกป้อง คุ้มครอง ดูแล ผู้หญิง ที่ตัวเองรัก ได้อย่างไร ตัวเอง เจอปัญหา เพียงแค่นี้ ยังเอาตัวไม่รอด ก็ ยูจิน ไม่เคยรัก ซังฮวก มาแต่ไหน แต่ไร เมื่อ สิบ ปีก่อน ยูจินไ ม่เคยรัก ซังฮวก มาอย่างไร จนบัดนี้ ก็ยังไม่รัก เช่นเดิม มันจะแปลกอะไร คะ คุณ มินฮุง พระเอก แห่ง คุณธรรม ความเสียสละ


ลี-มินฮุง ชายอบอุ่นในสายลมหนาวคนนี้ ยังไงก็ไม่ครองใจ ดิฉัน เหมือน ชินดองฮ๊อค ผู้หญิงมากมายก็ อยากได้ ผู้ชายอบอุ่น อ่อนหวาน ห่วงแต่คนอื่น อย่าง มินฮุง แต่เรื่องความรัก ก็อยากได้ หัวใจที่มุ่งมั่นฟันฝ่าให้ได้มา ซึ่งรัก จากชายเลือดเย็น เข้ม และ เหี้ยมนิด ๆ อย่างคุณ ดองฮอค หรือไม่ก็ เจ้าชายเย็นชา จากดินแดนแห่งเงา คัง จุนซาง


แต่ถึงอย่างไร ตอน ที่ ลี มินฮุง จำได้ ว่า ตัวเอง คือ คัง จุนซาง คัง จุนซาง ก็ ถูก ลี มินฮุง ครอบงำ พฤติกรรม และ ความนึกคิด ไปเสียแล้ว มินฮุง เคยเขียนบอก ยูจิน ว่า “ แม้ตัวผมจะเป็น คัง จุนซาง ที่คุณรำลึกถึงตลอดมา ก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งผมไม่ได้เป็น คัง จุนซาง ......แม้ผมจะเป็น คังจุนซาง ก็เพียงแต่ถือว่า ผมเคยชื่อ คัง จุนซาง เท่านั้น ต้องขอโทษด้วยนะ “


การตัดสิน ของ ลี มินฮุง นำทางโยงไปสู่ การตัดสินใจ ของ ยูจิน
ความเศร้า ทุกข์ระทม ที่ตาม มา จะโทษใคร เอ๊ะ ก็ ต้องโทษ พระเอกแสนดี ลี มินฮุง สินะคะ รวมทั้ง คุณ ยูจิน ด้วย


อย่างไรเสีย ลี มินฮุง ก็ใช้เวลา ตัดสินใจ ทั้งคืน แต่ คุณ ยูจิน แค่ แวบเดียว ที่ตกใจ อาการของ ซังฮวก ที่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ น่า จะตั้งชื่อของตอนว่า “ทุกข์นี้ จะโทษใคร “เหลือเกิน




Scene-10: Resolution



On a bench near village:


Yoo-jin : Do you know Polaris? Polaris?
Min-hyung : I do.
Yoo-jin : Jun-sang told me about it. He said if I ever get lost I should look for Polaris. All the stars move with the change of season, but Polaris doesn't. It's always there where it is.
Min-hyung : Yoo-jin ... Do you feel lost?
Yoo-jin : I hurt the people I care about today. Mom, Yon-kook, Jin-sook ... Sang-hyuk ... They might never forgive me. What should I do?


Min-hyung : You said that Polaris always stays where it is even when other stars move with the season. Isn't it? If other pople can't forgive you, and left you because they don't understand you. If I stay where I am right. Yoo-jin, can you trust me?


Time by little steps:


Min-hyung : Start with our right foot. Right, left, right, left...What do you think all these little steps add up to? Time. There is one thing I envy about Sang-hyuk, do you know what it is? It's time. All these times he spent with you. You can't take two steps at once.

The fork:

Min-hyung :Go in now ... It is right. You are worried about him, aren't you?
Yoo-jin : I am. But I decided not to worry about him. So let's just go back, together.
Min-hyung : I'm okay so go and see him. I'll wait here till you come back.
Yoo-jin : What if ... I won't be able to come back? I may not able to come back ... after I see him. What happen then?
Min-hyung : That's okay. It's better than to see you suffer like this. Yoo-jin ... Can you find Polaris? I'm okay so go. But ... Can you find the way back? After a long time, even after long time...Can you find the way back?
Yoo-jin : I will. I will find my way back.

Word of separation:


Yoo-jin : I'm not going to say sorry to you. I don't want to. Because you took the most important part of me. You took my heart ... so I'm not sorry ... I love you.
Min-hyung : Thank you, Yoo-jin ...

Copyright@Amornbyj

'Lee MinHyung' Character from Mr.Bae Yong Joon ...[Old Interview 2002]



'Lee MinHyung' Character from Mr.Bae Yong Joon
Posted in BYJ Quilt by Joanne

Magazine Music Life (March 2002)
English Translated by Hyeon / Chinese Translated by Verjineir

Title : BYJ - Let's talk about the things attract us about him including his bright smile.

What a beautiful expression of his eyes? The man who makes us feel a passionate and sweet love by his expression of his eyes. Who can resist him not to love? The man who created the Lee MinHyung's syndrome of WLS and became the flower of our heart is BYJ. He still performs tenderly and comfortably as usual and the style of performance is what attracts us. We met YJ who became more romantic and came back to us.

Part 1- The inquisitive interview is not with 'Lee MinHyung' in the drama , but with the person 'BYJ'

* Q : What is the first thing to do in the morning ?
YJ : It depends on the circumstances, mostly I have a breakfast first. I try to have a breakfast. It surely gives me the energy to do the better performance.

*Q: The things to do when you're alone.
YJ: I usually read books or think constantly. But, recently I try to sleep whenever I have time. That helps me to be absorbed in the performance of the next shot.

*Q: About the character of Lee MinHyung.
YJ: I'm not that satisfied with the character of Lee Minhyung, but it seemed I did change my former image by him. Anyhow I live as 'Lee Minhyung' these days.

*Q: Time to go to bed.
YJ: It is irregular. I sleep about 2 ~ 3 hours per day in these days. If there are many scenes to shoot, few minutes in the car to move to the other shooting places was all I could sleep. WLS's staffs as well as performers hold out with the spiritual strength.

*Q: What kinds of clothes do you usually wear?
YJ: I usually wear t- shirt and blue jeans. But mostly the stylist prepares them for me.

*Q: Do you watch WLS yourself?
YJ: Of course. I try to monitor the drama myself because it makes easier for me to perform the next scene. If I can't monitor, I have to be satisfied with only what my manager told me after he monitored.

*Q: What are you worrying mostly now?
YJ: I worry about my health these days. I feel like my health is not same as before. I have felt keenly the necessity of the health to do what you want to do.

*Q: Would you say about people around you?
YJ: Manager and coordinator who always take care of me. As they do their best for me, I try to satisfy them as well. I don't know how much my efforts reached them, but it is natural that I should take care of people who work together..

*Q: What do you most hate ?
YJ: I hate telling lies.

*Q: When do you feel the stress?
YJ: I often feel the stress when my work isn't working smoothly at much as I want. but it is happiness that I even have no time to feel the stress because of the tight schedule these days. I had relaxed the stress by playing the internet game or reading books before, but I relaxed the stress by sleeping these days.

*Q: What is your greatest interests ?
YJ: Finishing the WLS well and movies. Because I have a great dream about movies personally, I want to be very carefully even with one movie. I think that I might have a dream about movie in my mind so far. It is my biggest goal to challenge movies this year. But, I'm going to shelve the dream for now and I will be devoted to the drama now. I will think about movies after finishing the WLS. If I do many thing at the same time, I can't finish even one of them.

Part 2- BYJ whom I know is like this.

(1) Manager Bae Sungwung

*Q: When did you start BYJ's work?
Manager : From the starting with the 'Hotelier' last year, it's been 2 years already to work with him.

*Q: What is the biggest YJ's strength?
M: Whenever he works on something, he gets ready to do thoroughly. For example, though the script of WLS was published too late under the pressure of the shooting time, YJ read it more than 3 times basically. The script is almost worn out. We can think he is a little difficult when he works. Because YJ hates to make mistakes himself. But, he takes care of people whom he considers as his family. He celebrated people's birthdays as well as he knew them one by one. He held a surprised -party for cameraman's birthday of WLS, while ago. He cares and thinks about others.

*Q: How about your teamwork ?
M: Our teamwork is very good. It is really impressive when you see he takes care of others. He is very good to people who trust and follow him. It is a different image with when he works fastidiously. If he once believes and trusts, he leaves all the things entirely to the person. Of course, it is not easy until they get into such a relationship. That may be what he is difficult.

*Q: What do you wish YJ as his manager?
M: He manages himself well, so I don't have anything to wish. But I only want him to take care of his health. Because of shooting this drama, he lost his weight suddenly and he seems to be much weak. After finishing the drama, he will become busier than now with more activities. I want him to take care of his health well always.

(2) Coordinator Hong Eun Kyung

*Q: How long have you been working with BYJ?
Hong: It has been about 7 years. I met him when he started to film the 'First Love' and that's when I started to work with him. And I'm still working for him now.

*Q: What has been changed about him since you started to work with him and what has not been changed?

Hong: The thing that has been changed is that he became freer in personality. He had his own world before, but now he became opened to others. And his unchanged part is that he still takes care of his co-workers.

*Q: Let's talk about character of Lee MinHyung.
Hong: YJ is a director in the drama, and, as we know, a 'Director' is one of the executives in a company. Usually we would think that a director of a company wears formal clothes, but I dramatically changed that idea into the natural casual-clothes. Actually, it was the challenge for me. I talked with the notorious YunPD in advance and prepared thoroughly to create the character of Lee MinHyung. I tried very hard to find the mufflers and glasses that best suited him. I saw a lot of samples to decide them which one to use. The wind hair was decided by a lot of peoples opinions. Anyway, I think that this character was successful. I tried to make the bright and fresh image for getting rid of the old existing image.

*Q: Which style does suit him?
Hong: YJ looks nice in any styles of clothes. If he wears anything, he likes to dress up. He pays attention to the details. He used to perform a lot of characters, which were lonely and gloomy, so I couldn't create the styles that I really want. However, now I feel good because I can create the style as I want in WLS. Even people said 'It is the style only for Lee MinHyung. I could change his styles variously by the clothes of primary colors that usually he doesn't wear.

*Q: When do you find worth doing it?
Hong: YJ put a ring on his finger for character of 'MinHyung' for the first time. Originally, he hates to wear earrings, necklace, and ring but when I talked about it, he was willing to put a ring on. It is not important that he put on a ring, but he trusted me entirely in style. Even if he is different from my opinion, he assents after listening the reason why he must do so. Ring is one of the cases. It is just trust that he leaves his style to me entirely from his everyday dress to the clothes for dramas. These are all results that I find worth of doing the work. Also, I feel encouraged when he performs well new characters as well as the styles.

*Q : Which color is well suited him?
Hong : It's better to tell about the bad colors to him rather than good colors. The similar colors of his face color such as light brown or light beige don't suit him. Except that colors, any colors suit him.

Thanks for...Joanne, Hyoen, Verjinier & BYJ' Quilt

TWSSG TEAM & Roytavan

From the beginning until now - Vietnam Version.



From Begining Until now (Vietnam Version)
Sáng tác: Minh Quân
Ca sĩ: Minh Quân

Còn lại đây bao yêu thương , bao nhung nhớ
Còn lại đây bao cô đơn xót sa
Còn mình ta như chơi vơi
mang bao kỷ niệm , với nỗi buồn
Và mùa đông không mang theo , bao hơi ấm
Mùa thu không có lá rơi
Còn mình ta như chơi vơi , nghe con tim ta nát tan
Tình yêu đó sẽ mãi mãi không quay trở lại ,
và em như cánh chim vút bay mãi nơi phương nào ,
chỉ còn mình ta ôm cô đơn ,
nhớ nhung kỷ niệm để lòng ta
bỗng nghe sao buốt giá
Tình yêu đó sẽ mãi mãi không quay trở lại ,
và em như cánh chim vút bay mãi nơi cuối trời ,
chỉ còn mùa đông vây quanh ta , hát với ta rằng ,
bài tình ca nghe ôi sao xót xa

" Đã qua đi rồi , đó -
Những kỷ niệm của một mùa đông giá rét
Giờ đây , em - Còn nhớ hay em đã quên "

Và mùa đông không mang theo , bao hơi ấm
Mùa thu không có lá rơi ... ...
Hát với ta rằng , bài tình ca , nghe ôi sao xót xa .
Nói đi em người ơi ... Dù đã xa nhau thật rồi ...
Dù cho em không yêu tôi , cho con tim tôi nát tan
Tình yêu đó sẽ mãi mãi không quay trở lại ,
và em như cánh chim vút bay mãi nơi phương nào
Chỉ còn mình ta ôm cô đơn , nhớ nhung kỷ niệm
Bỗng nghe ôi sao lòng này buốt giá
Người có nhớ trong tim ta với bao tháng ngày
Hỡi em cho ta đắn đo xót xa trong cuộc đời này
Chỉ còn mùa đông vây quanh ta
Hát với ta rằng bài tình ca nghe ôi sao xót xa

----------------------------

From beginning to now
Lyric Meaning

Can't return to my side, it's impossible now
I console myself that I should stop loving you now
If I can't meet you again,
I really hope to forget you, to forget the entire you in my heart
Every time I want to smile, you let me cry
You make my everything go wrong
Every time I think of you, all my defences gave way
Tried hard to forget you, but I just can't
If I can't meet you again,
I really hope to forget you, to forget the entire you in my heart
Every time I want to smile, you let me cry
You make my everything go wrong
Every time I think of you, all my defences give way
I tried hard to forget you, but I just can't forget
I never know it is so hard to love someone
Every time I want to smile, you let me cry
You make my everything go wrong
Every time I think of you, all my defences gave way
Tried hard to forget you, but I just can't

------------------


----------------------------------

Stem cell & Lee min hyung

คุณ ร้อยตะวัน เคยเกริ่น ไว้เกือบ 2 เดือน แล้ว ว่า อยาก ย้อนวันวาร กับ WLS
และดิฉันเอง ก็เป็นนักเรียน หนีโรงเรียน เหมือนกับคุณ Starpolaris เลย การบ้านก็ไม่ค่อยได้ทำส่ง ก็เลยขอถือโอกาส รายงานตัว ด้วยการเปิดประเด็น WLS ปัญหาก็คือ ภาษาไทยอีกแล้ว

การที่ ลีมินฮุง ประสบอุบัติเหตุ แล้วเกิด ไซด์ เอฟเฟค ก้อนเลือด กดทับประสาทตา ทำให้ ลีมินฮุงต้องไปผ่าตัดที่อเมริกา แล้ว สุดท้ายก็ สายตามองไม่เห็น เมื่อ 3 ปี ผ่านไป เป็นการจบ ที่พวกเราจำนวนมากมาย แสนสงสารและเสียดาย เป็นที่ยิ่ง มีคนในวงการที่คิดอยากสร้างภาพยนตร์ แต่ไม่อยากจบเรื่องแบบนี้ มันสะท้อนสะท้านใจคนดู บางคนคิดไปไกลว่า เมื่อ ลีมินฮุงแต่งงานกับจุงยูจิน แล้ว มีลูกน่ารัก ๆ อย่างที่ มีภาพวาด หลายภาพ


โถ....... ลีมินฮุง ไม่ได้มีโอกาส มองเห็น สายเลือด สายใยแห่ง ปาฏิหาริย์ รัก แท้ แม้ จากกัน 2 ครั้ง 13 ปี ยังมีวันหวนคืนและสมหวังดั่งปรารถนาที่รอคอยกันมานานขนาดนี้ แค่คิดก็ ปวดร้าวใจ แทน ลีมินฮุง และจุงยูจินเสียยิ่งนักแล้ว

มีผู้ที่สนใจในเรื่องนี้ ไปค้นคว้าหาคำตอบ และมีคนที่อยู่ในวงการที่รู้จัก มีเหตุการณ์ คล้าย ลีมินฮุง มาเป็น กรณีศึกษา นั่นยังไม่เพียงพอ ที่จะยืนยันคำตอบ จึงมีการปรึกษาหารือ แพทย์เฉพาะทางจนได้คำตอบมา และ ได้เล่าสู่ให้คนเล่าทราบ

จากเหตุการณ์จริง มีชายผู้หนึ่ง ประสบอุบัติเหตุ รถชนเหมือนกัน แต่ คนเจ็บ ขี่มอเตอร์ไซด์ หลังอุบัติเหตุ ชายผู้นี้ มีก้อนเลือดทับประสาทตา เช่นกัน ตามองไม่เห็น ทั้ง 2 ข้าง เมื่อได้รับการผ่าตัดเอาก้อนเลือดนี้ออก ขั้นต้น ก็ยัง มองอะไรไม่เห็น แต่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ ในเรื่องการรับประทานอาหาร เขารับประทาน อาหารที่สารอาหาร และธัญพืช ต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริม การคืนกลับ สมรรถนะของประสาท ตา อย่างจริงจังและต่อเนื่อง หลายปี ผ่านไป ประสาทตา ข้างหนึ่ง สามารถ ฟื้นฟูสภาพ ได้ เขาสามารถ มองเห็นได้ลาง ๆ ด้วย ดวงตา ข้างหนึ่ง ที่มีการสร้าง เซลใหม่ขึ้นมาได้ เขาต้องตัดแว่นช่วยเสริมความสามารถในการมองเห็น แต่ว่าเลนส์กระจกหนามาก เป็น พัน ขึ้นไป เขายังคงเคร่งครัดกับเรื่องอาหาร ในขณะนี้ สายตา ใช้เลนส์ที่มีความสั้นน้อยลง น่าจะประมาณ 800 แต่ ถ้าเป็นการมองในความสลัวลาง ๆ หรือในที่ มืด มิด กระจกเลนส์สายตา ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาก็จะมองไม่เห็น แต่ชาย คนนี้ ได้สายตา กลับคืนมา เพียงข้างเดียว

แต่ ก็ ยังนับได้ว่า โชคดีแล้ว ในโลกนี้ จะมีความสวยสดงดงาม อะไร ที่จะงดงาม ได้เท่า การที่จะได้ มองเห็นคนที่ตัวเองรัก ใน อากัปกิริยา ต่าง ๆ ทั้งหญิงคนรัก ทั้งสายเลือดแห่งรัก ของ ตนเอง

นี่เป็นเรื่องจริง และได้ สอบถาม ไปยังแพทย์ ที่เชี่ยวชาญในด้านสายตา ว่า ชายในเรื่องจริงคนนี้ ไม่ใช่เรื่องของการเกิดปาฏิหาริย์ หากแต่ เป็น เรื่องจริง ตามหลักวิชาการแพทย์ ที่เป็นไปได้ และ ในกรณีเช่นนี้ แพทย์ ในเมืองไทย ก็ ความสามารถ ทำได้ มีนายแพทย์ ท่านหนึ่ง เก่งมากเป็น นายแพทย์ ประจำที่โรงพยาบาล รามาธิบดี ของจริงแท้ แน่นอน

สำหรับ ลีมินฮุงนั้น ก้อนเลือดค่อยๆ คั่งและกดทับประสาทตา ทำให้มีผลกระทบกับสายตา สุดท้ายก็มองไม่เห็น ซึ่งลีมินฮุงก็ได้ไปผ่าตัดที่อเมริกา คาดว่าน่าจะผ่าตัดเอาก้อนเลือดออกไปด้วยแน่

แต่การแพทย์ปัจจุบันนี้มีวิธีการรักษาที่เป็นที่ยอมรับทั้งในยุโรปและอเมริกา ซึ่งวิธีการการรักษานี้บางท่านอาจเคยได้ยินมาบ้างนั่นคือการทำ เสตมเซล (Stem Cell) คือการรักษาโดยเอาเซลล์ซึ่งติดอยู่กับรกเด็กที่คลอดใหม่ไปเพาะเลี้ยงแล้วนำมาซ่อมแซมกับร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งวิธีการนี้เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูและพัฒนาเซลล์ ประสาทตาได้การพัฒนาเซลล์ประสารทนี้ ทางการแพทย์เรียกว่า “ NEURAL STEM CELL” คือการเลี้ยงเซลล์เพื่อนำไปพัฒนาและฟื้นฟูเกี่ยวกับประสาทตาโดยตรง ประกอบกับหลักการรับประทานอาหารควบคู่กับการฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยร่วมกัน จะทำให้การซ่อม เซลล์มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้น แต่จะได้ผลดี 100% นั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำการรักษาให้สามารถมองเห็นได้ ค่าใช้จ่ายคิดแล้วประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาทไทย เพราะจะต้องทำอย่างน้อยประมาณ 3-4 ครั้ง ค่าใช้จ่ายครั้งละ3-5 แสนบาท
ข้อมูลนี้มาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Stem Cell ของประเทศไทย ซึ่งประจำอยู่ที่ร่วมฤดีคลินิก คือ นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณทิต

ขอขอบพระคุณ ที่คุณ ร้อยตะวันบอกกล่าวเล่าให้ฟังเมื่อปี2007 และให้คำอธิบายรายละเอียดนี้ไว้

สำหรับลีมินฮุง นับได้ว่า เป็นคนมีฐานะดี มีเงินทองมากมาย นี่นับว่าเป็นเรื่องเล็กเพียงแต่ว่า.......... ต้องใช้ระยะเวลา
เวลา แค่ 3 ปี ใน ละคร ลีมินฮุง ยัง ไม่สามารถมองเห็นได้ ส่วนการฟื้นฟูสภาพจิตใจ นั้น ลีมินฮุง มีจุงยูจิน และน่าจะมี มินฮุงน้อย หรือยูจินน้อย หรือ อาจจะมี ทั้งสองคน(หรือมากกว่า) เป็น แรงใจ เป็นกำลังใจ เป็น หยาดน้ำทิพย์ชโลมใจ ให้กับลีมินฮุง อยู่แล้ว ลีมินฮุงอาจมองเห็นโลกที่สวยงามอบอวลด้วยความรัก ด้วยดวงตาทั้ง 2 ข้าง

ลีมินฮุง คง กลับไปรักษาที่อเมริกาต่อ (ในช่วงเวลา 3 ปี หลังผ่าตัด ลีมินฮุง ส่วนใหญ่ แล้ว ก็ อยู่ ที่ อเมริกา อยู่แล้ว) หวังว่า นี่น่าจะเป็น ข่าวที่น่ายินดี ของ แฟนคลับคุณลีมินฮุง คนเล่าเอง ยังดีใจ ปลื้มใจ มาก ๆเลย ยังกับ ตัวเอง เป็น จุงยูจิน รู้สึกเหมือนกับว่า ...คล้ายกับว่า ...จากปี 2002 จนปัจจุบัน ปี 2008 ลี มินฮุง น่าจะ ได้ ดวงตาที่จะทอดทัศนาสรรพสิ่งในโลกนี้ได้แล้ว คือจากในละคร ผ่าตัดแล้ว 3 ปี รวม ปี 2008 นี้ ก็ 9 ปีแล้ว

และในคืนข้างแรมหลังประเพณีลอยกระทง ( ซึ่งที่เกาหลีก็มีประเพณีนี้เช่นกัน) ลี มินฮุง อาจกำลังชี้ชวน จุงยูจิน ให้ชมดาวเหนือ โพราริส ที่บ้านพักชายทะเลที่เกาหลี และในบ้านอาจมีเด็กน้อยทั้งหญิงและชาย 2 คนขึ้นไป นอนหลับอุตุอยู่ในห้องนอน ส่วนพ่อแม่ ก็ ออกมานั่ง รำพึงถึงความหลังกันก็เป็นไปได้ ลีมินฮุง คงขยับเสื้อโค๊ด กางออก โอบ ยูจิน ให้เข้ามาอยู่ในเสื้อตัวเดียวกัน เพราะอากาศคงเย็น และ ลีมินฮุง ก็คง บอกว่า ผมอยากให้อากาศหนาวกว่านี้

Can you see the stars in the shape of Cassiopeia? Can you Polaris beside that? The star of the polar. Can you see the big star in between the Big Dipper and Cassiopeia? Whenever you get lost in the mountain, look for the Polaris first. And then you open your arms and be a compass .... Polaris doesn't move the whole year round. You will be able to find it easily whenever you are. When you are lost, try to find Polaris first. It will be there where you last saw it.