2.5.09

WINTER SONATA-12-TRUTH OF DECADE AGO

Episode 12- Truth of decade ago

ปริศนา

ผม คือ ใคร !!!

ปริศนา และ อัศเจรีย์ ที่น่า ตกใจ ของ มินฮุง
ใน 10 ปีที่ผ่านมา มินฮุง ไม่เคยเกิด ปริศนานี้เลย
แต่พอเกิดขึ้นในหัวใจ กลับได้ คำตอบที่น่าตกใจ
มาช่วยกัน ปลอบขวัญ มินฮุง กันหน่อยนะคะ
เพราะ ยูจิน มีแต่ทำความ เจ็บช้ำให้มินฮุง
( คนเล่าเริ่มหงุดหงิดกับ ยูจิน เสียแล้ว เพราะ อินกับละคร นั่นเอง)

มินฮุง ไม่อาจทำตามความใจปรารถนาของตน

มินฮุง เดินออกไปเรียกรถแท็กซี่ จนมีรถจอดให้

มินฮุง เปิดประตู ไว้ รอ ยูจินแล้วหันไปมอง ยูจิน โดยไม่พูดอะไรด้วยเลยสักคำ


ยูจิน ขึ้นนั่งบนรถ แม้ มินฮุง รู้ดีว่า ยูจิน กำลังจะไปที่ไหน มินฮุง ก็จำต้องส่ง ยูจิน ไป


ยูจิน หลบสายตาของมินฮุง ตั้งแต่แรกพบ จนขึ้นนั่งบนรถแท็กซี่


มินฮุง มองยูจิน ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ รถแท๊กซี่ วิ่งผ่าน มินฮุง ไป
ยูจิน บนรถแท็กซี่ ได้แต่ ก้มหน้าถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่า มินฮุง ก็รู้ว่า เธอ กำลังจะไปหาใคร
แต่ มินฮุง ก็ยังอุตส่าห์ โบกเรียกรถแท็กซี่ให้เธออีก
ยูจิน รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ปฏิเสธ ความเอาใจใส่ของ มินฮุง
เธอน่าจะปฏิเสธ มินฮุง ไปใน ขณะนั้น ยูจิน ควรช่วยสะสาง ความรู้สึกของ มินฮุง ที่มีต่อเธอให้เร็วที่สุด
แต่ ยูจิน ก็ทำไม่ได้ พอนึกถึงว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอเคยปฏิบัติต่อ มินฮุง อย่างโหดร้าย
ยูจิน ก็รู้สึก รันทดใจ

ยูจิน รู้สึกเสียใจเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องที่ มินฮุง สละทุกอย่างเพื่อเธอได้อย่างนั้นหรือ
หรือว่าเป็นเรื่องที่ มินฮุง จะเฝ้ารอเธออยู่ในที่ใดที่หนึ่งเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่
ในขณะที่ ตัวเธอเองกลับนึกถึงแต่ตัวเองอย่างนั้นหรือ
( ก็ใช่น่ะซีคะ คุณ ยูจิน อย่างนี้ ต้องว่า รู้ แต่แกล้งทำไม่รู้ น่ะเอง)
ยูจิน รู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก

ยูจินไปถึงบ้านของ ซังฮวก กดกริ่งแล้วยืนรอที่หน้าประตูบ้าน

ซังฮวก เปิดประตูบ้านและก้าวออกมา
สองมือ สอดที่กระเป๋ากางเกง เมินหน้าไปอีกทาง ไม่เอ่ยปากพูดอะไร และก็ไม่เชิญ ยูจิน เข้าบ้าน
ยูจิน : ฉันนั่งรถตามเธอมาน่ะ ทำไมมาถึงเร็วจัง แสดงว่าขับรถเร็วใช่มั๊ย
ซังฮวก มอง ยูจิน
ยูจิน : บอกแล้วไงอย่าขับรถเร็ว
ซังฮวก : ฉันขอโทษนะ
ซังฮวก เหมือนจะสำนึกผิดที่ทิ้ง ยูจิน ไว้ ปล่อยให้ ยูจิน เดินทางกลับบ้านคนเดียว

ยูจิน : ไม่รู้สึกแย่เหรอที่เป็นคนขี้โมโหน่ะ คนที่โมโหจนขาดสตินั่นแหละคือคนแพ้นะ
ซังฮวก หัมามองหน้า ยูจิน

เมื่อพูดถึงความรักแล้ว แค่รักอย่างเดียวยังไม่พอหรือ
ความรักที่มีความระแวงอยู่ด้วย ไม่ใช่ความรักในแบบที่ ซังฮวก ต้องการ
จุนซาง ได้มอบความรักที่สมบูรณ์ไม่มีที่ติมาเติมเต็มหัวใจของ ยูจิน
ซังฮวก รู้สึกอิจฉาความรักของ จุนซาง ที่มีต่อ ยูจิน เป็นอย่างมาก

ไม่ สิ เขาควรจะพูดว่า เขา รู้สึกอิจฉา ลี มินฮุง ที่มีหน้าตาคล้าย จุนซาง
แม้ ลี มินฮุง จะไม่เหมือน จุนซาง ก็ตามที

ยูจิน เดินเข้าไปหา ซังฮวก แล้วโอบกอด ซังฮวก อย่างอบอุ่น ยูจิน เพียงแต่ โอบกอด ซังฮวก อย่างเงียบๆ
ไม่ได้อธิบายเรื่องที่ ซังฮวก เข้าใจเธอผิด น้ำตาคลออยู่บนใบหน้าที่ซบอยู่กับบ่าของ ซังฮวก
ในใจของ ยูจิน กำลัง คิดถึง มินฮุง อยู่ ช่างเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริงๆ
ที่ ตัวเองตกอยู่ในวังวนชะตาชีวิตที่เกินกว่าอำนาจมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลงได้
กายของ ยูจิน อยู่กับ ซังฮวก แต่ใจกลับมอบให้ มินฮุง
ซังฮวก ยกสองมือกอดตอบ ยูจิน เช่นกัน
ยูจิน นิ่งอยู่นาน แล้ว จึง บอก ซังฮวก ว่า : ขอโทษนะ
( คุณ ยูจิน ขา ไปโทษ โชคชะตา เหมือน คุณแม่ คุณเลยนะ ไร้สาระจริงๆ ชีวิตนี้ ลิขิตได้ ด้วยตัวเองต่างหากคะ คุณ นางเอก เอะอะก็ อ้างโชคชะตา)

ส่วน มินฮุง หลังจาก ส่ง ยูจิน ขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อ ไปหา ซังฮวก แล้ว ก็เลยกลับไปที่พัก
เมื่อออกจากลิฟท์ ก็พบว่า คุณ คิม มา นั่งคอยอยู่ ที่ราวบันไดหน้าลิฟท์ เหมือน รอคอยมานานแล้ว
คุณคิมส่งเสียงร้องทัก มินฮุง ว่า : อ้าวทำไมกลับเร็วนักล่ะ งั้นเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยดีมั๊ย

ในบาร์
คุณคิม : วันนี้แย่ชะมัดเลย คุณ โอเค นะ
มินฮุง เอามวนบุหรี่เคาะลงที่พื้นโต๊ะ : ผมหวังไม่อยากให้เรื่องมันเกิด ผมหวังที่ไม่อยากจำ เรื่องอะไรที่เกี่ยว ยูจิน ได้อีกแล้ว
( ผมหวังว่าตัวเองจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ยูจิน ให้หมด)
( ดีมาก ค่ะ คุณ มินฮุง คุณมีศักดิ์ศรี ในตัวเองที่ไม่ควร ไปตาม ไล่คว้าเงาผู้หญิงที่เขาไม่แคร์เรา เรื่องอะไร ไปตบมือข้างเดียว )

คุณคิม : ถ้าเราลืมทุกอย่างที่อยากลืมได้ก็คงจะดีหรอก นี่ผมจะบอกให้มั๊ย
อย่างแรกนะดื่มให้ลืมไปเลย
อย่างที่สอง มองหาผู้หญิงอื่น
แล้วอย่างที่ สาม หาจิตแพทย์
มินฮุง ยิ้ม เป็นทำนองว่า คุณ คิม พูดพล่าม ไปเรื่อยเปื่อย หยุดพล่ามเถอะ
คุณคิม พูดต่อ : จากนิสัยของคุณ สองอย่างแรกคงไม่เวิร์ค อย่างที่สามเป็นไง ไปหาจิตแพทย์


มินฮุง ปราม คุณคิม ว่า : พอเถอะน่า เลิกพูดเล่นซะทีเถอะ
คุณคิม พูดด้วยนำเสียงจริงจังมาก : ผมไม่ได้พูดเล่นนะ คำว่า “ ไปหาจิตแพทย์ “
ฟังดูแล้วคุณอาจจะนึกถึงเฉพาะคนบ้า แต่ว่าสมัยนี้คนไปปรึกษากันเยอะนะ
ยกตัวอย่างเช่น ...เอ้อ... มีคนตายไปจากคุณ ถ้าเกิดเป็นแฟนคุณ คุณคิดว่ามันจะทรมานแค่ไหนกัน น่ะฮึ
ถึงต้องเข้ารับการบำบัด เพื่อลบความทรงจำนั่นซะ ใช้ความทรงจำอื่นมาลบความทรงจำ เขาใช้วิธีสะกดจิตหรืออะไร ทำนองนี้แหละ
มินฮุง : ลบความทรงจำแล้วสร้างใหม่ฟังดูสะดวกดีนะ
คุณคิม : คุณน่าจะลองดูนะ ความทรงจำที่เราพบใครสักคนหนึ่งและต้องเลิกรากัน อาจจะไม่เลวร้าย
แต่ก็ยังดี ดีกว่าที่ต้องทนทรมาน อย่างจำเรื่องที่เคยคบกับ แชรีน แทนยูจินไง

เสียงเปียโนที่บรรเลงอยู่จบลง คุณคิม ปรบมือให้
มินฮุง วางแก้วเหล้าลง
คุณคิม เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านหนังสือพิมพ์พบข่าวของนักเปียโน : นี่ นี่ ทำไมไม่บอกผมว่า คุณแม่คุณ คือ คัง มุยฮี
มินฮุง ; ทำไมล่ะ
คุณคิม ทวนคำว่า : ทำไม : โธ่ .....รู้มั๊ยผมเคยคิดอะไรตอนที่คุณเล่นเปียโนต่อหน้าผมนั้นน่ะ
ผมนึกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ เหมือน โมซาร์ท
มินฮุง ยิ้ม ขำ คุณคิม
คุณคิม พูดต่อว่า : เพิ่งมารู้ว่าแม่คุณเป็นนักเปียโน คุณเคยเรียนมาจากแม่แล้ว แกล้งทำเป็นไม่เคยเล่น ปั๊ดโธ่ ...เหอะ
มินฮุง : ทำไมผมต้องโกหกด้วย ผมไม่เคยเล่นมาก่อนจริงๆ
คุณคิม : โอเค..โอเค... ตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่เคยจับมาก่อนเลยใช่มั๊ย ใช่หรือเปล่า
มินฮุง ทำหน้าตาจริงจัง : จริงๆนะ
คุณคิม : โอเค...คุณอาจจะจำไม่ได้ว่าเคยเล่นมาก่อน
มินฮุง : หันไปมองทางนักเปียโนที่กำลังเล่นเปียโนอยู่ ทำท่าทางครุ่นคิด มินฮุงพยามยามนึกถึงความทรงจำ
แล้ว รู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมอยู่
มินฮุง เริ่มสงสัยกับอดีตของตัวเอง
แล้วรำพึงออกมาเป็นคำพูดว่า : ผมจำอดีตไม่ได้เลยซักอย่าง ทำไม....ผมจำเรื่องอะไรไม่ได้เลย
คุณคิม มอง มินฮุง ที่มีท่าทาง ครุ่นคิดอย่างซีเรียส
ที่ทำงานของ ซังฮวก วันนี้ ซังฮวก แต่งสูทเรียบร้อย จน เพื่อนดีเจสงสัย
ซังฮวก บอกว่าต้องไปทำธุระ แล้วคุยเรื่องของ คัง มุยฮี ซึ่งเลขาได้ตอบรับการให้สัมภาษณ์ แต่ ต้องไปสัมภาษณ์ เอง โดย คัง มุยฮี จะไม่มาที่ สตูดิโอ
ยูจิน มาหา ซังฮวกที่ ทำงาน เพื่อจะไปเคารพหลุมฝังศพพ่อของยูจิน เนื่องในวันเกิด ของพ่อ

ลมหนาวที่เมืองชุนชง พัดมาเย็นยะเยือก
คัง มุยฮี ยืนโต้ลมหนาวอยู่ ที่หน้าหลุมฝังศพ ของ จุง ฮุนโซ (จุง ซินเจา) ที่ปราศจากผู้คน มีดอกเบญจมาสสีขาวช่อใหญ่
วันนี้เป็นวันเกิด ของ จุง ซินเจา ซึ่งเสียชีวิตไปนานถึง 16 ปีแล้ว
คัง มุยฮี ยังมีชีวิตอยู่และมายืนที่หน้าหลุมฝังศพนี้
คัง มุยฮี ที่รัก จุง ซินเจา ถึงขนาดยอมสละชีวิตของตนได้ กลับอยู่อย่างปรกติสุขบนโลกนี้
แต่ จุง ซินเจา กลับฝังร่างอยู่ใต้ผืนดินอันเหน็บหนาวนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คัง มุยฮี มีชีวิตอยู่ด้วยความคิดว่า จุง ซินเจา ยังมีชีวิตอยู่ และจดจำวันเกิดของเขาได้
คัง มุยฮี ไม่อาจลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ของ จุง ซินเจา ได้เลย เนื่องจากเธอไม่อาจให้อภัยเขาได้
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอมีชีวิตอยู่ด้วยความทรงจำทั้งหมดที่มีอยู่ การทำเช่นนี้เป็นการทรมานตัวเอง
แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นเขา สัมผัสเขาไม่ได้ แต่เธอยังคงจงเกลียดจงชัง จุง ซินเจา ผู้อยู่ในความทรงจำของเธอตลอดมา

คัง มุยฮี คิดว่า หวังว่าทุกอย่างจะจบสิ้นเสียที
เธอเคยเชื่อมาตลอดว่า จุง ซินเจา ลืมเธอไปแล้ว
จุง ซินเจา ไม่สนใจว่า เธอยังอยู่หรือไม่ และ จุง ซินเจา ดำเนินชีวิตของตัวเองอย่างปรกติสุข
ความคิดนี้ ทำให้ คัง มุยฮี จงเกลียดจงชัง จุง ซินเจา
แต่ตอนนี้ จุง ซินเจา ไม่อยู่แล้ว จุง ซินเจา ตายจากไปนานแล้ว
คัง มุยฮี : วันเกิดของเธอ ถ้าฉันบอกว่าฉันยังจำได้ เธอคงจะโกรธฉันละสิ
แต่จะให้ฉันทำยังไง ฉันลืมเธอไม่ได้จริงๆ ฉันยังจำได้ทุกอย่าง ฉันยกโทษให้เธอไม่ได้
คัง มุยฮี ร่ำไห้
คัง มุยฮี ออกจากสถานที่ ที่ จุง ซินเจา หลับใหลไม่รู้ตื่นอยู่ เดินออกมารับลมหนาวที่พัดผ่านรอบๆตัวเธอ
มีรถยนต์ คันหนึ่ง วิ่งผ่านเธอไป
ยูจิน และ ซังฮวก ไปถึง หลุมฝังศพ
ยูจิน สงสัยว่า มีใครเอาช่อดอกไม้มาที่หลุมฝังศพนี้ก่อนหน้าเธอ
เธอไม่ได้บอกแม่ ซังฮวก บอกว่า อาจเป็นเพื่อนของพ่อ ยูจิน
ยูจิน บอกว่า ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมพ่อตอนวันเกิดมาก่อนเลย
ยูจิน วางช่อดอกไม้ของเธอ ลงข้างๆ ช่อ ที่วางอยู่ก่อน รินเหล้าเซ่นไหว้และแสดงความเคารพ
ซังฮวก คุกเข่าลง บอกว่า : ผมเองครับ ผม ซังฮวก ครับ เราจะแต่งงานกันเดือนหน้านี้ครับ
คุณพ่อครับ ผมสัญญาว่า จะดูแล ยูจิน อย่างดี คุณพ่ออวยพรให้เรานะครับ

ทังคู่ ไปที่บ้านของ ยูจิน
ซังฮวก มอบเงินให้แม่ของ ยูจิน ใช้เตรียมงานแต่งงาน ยูจิน หยิบซองคืน ซังฮวก
แต่ ซังฮวก บอกว่า : ยูจิน ฉันขอร้องล่ะ แล้ว ยื่นให้แม่อีกครั้ง
และบอกว่า : ผมอยากให้จริงๆนะครับ เป็นเงิน ที่สะสมมาจากเงินเดือน คุณแม่โปรดรับไว้จัดงานแต่งเถอะนะครับผมจะได้สบายใจ
ตอนแรกแม่ของ ยูจิน ก็ลังเล แต่ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ ของ ซังฮวก จึงยอมรับเงินนั้นไว้

เมื่อขึ้นรถกลับออกมาจากบ้านของยูจิน
ซังฮวก ถาม ยูจิน ว่า : นี่เธอโกรธฉันเหรอ
ยูจิน เงียบ
ซังฮวก : ยูจิน เธอโกรธฉันจริงๆเหรอ
ยูจิน : เปล่าหรอก ฉันแค่
ซังฮวก : แค่อะไร
ยูจิน : ก็เธอน่ะ ทั้งอ่อนโยนและก็แสนอบอุ่น แต่บางทีเธอก็เหมือนเป็นคนอื่น
เธอตัดสินใจอะไร โดยไม่ได้ถามฉันซักคำ มันแปลกมั๊ยล่ะ ฉันเลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
ซังฮวก ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของ ยูจิน ดีขึ้น จึงยิ้ม : ให้ฉันบอกเธอดีมั๊ย ก็มากับฉันก็พอน่า เธอเชื่อใจฉันมั๊ย
ยูจิน ยิ้มตอบ

ซังฮวก : แหมวันนี้อารมณ์ดีจังเลย นี่ ยูจิน ไปขับรถเล่นกันหน่อยดีม๊ย เปิด เก๊ะ ดูสิ หยิบแผนที่มาหน่อย ไปที่อื่นที่ไม่ใช่ ชุนชง กันดีกว่า
ยูจิน หยิบแผนที่ ออกมาจากช่ องเก็บของ มีโปรชัวร์ คอนเสริต์ ของ คัง มุยฮี ติดออกมาด้วย
ซังฮวก : นั่นน่ะเหรอ ฉันไปดูคอนเสิรต์มาด้วยนะ เขาเป็นนักเปียโน ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้ง 10 ปี แล้ว
ยูจิน : เขาเป็นนักเปียโน เหรอ
ซังฮวก : ทำไม เธอรู้จักเขาเหรอ
ยูจิน หันไปมองซังฮวก : ก็เขาเป็นคุณแม่ของ มินฮุง
ซังฮวก เริ่มไหววูบ ขับรถ ลงไปจอดแอบข้างทาง เบรกอย่างแรง จน ยูจิน หน้าคะมำ และตกใจ

ยูจิน : ซังฮวก
ซังฮวก : เธอหมายความว่ายังไง คัง มุยฮี เป็น แม่ของ มินฮุง หรือ
ยูจิน : ใช่
ซังฮวก : เธอแน่ใจได้ยังไง
ยูจิน : ก็ฉันเคยพบเขาครั้งหนึ่ง
ซังฮวก แว่วเสียงพ่อของตัวเองขึ้นมาว่า : ก็เด็กที่ชื่อ คั งจุนซาง ที่มาหาฉันเมื่อ 10 ปีก่อน ฉันนึกว่าเป็นลูกเธอซะอีก
ซังฮวก ร้อนใจ ขึ้นทันที
ยูจิน เรียก : ซังฮวก
ซังฮวก : เอ้อ...ฉันตั้งใจจะไปเอาของกับเพื่อน ที่โรงเรียนเก่า จะเป็นไรมั๊ยถ้าคืนนี้เราจะกลับดึกหน่อย
ซังฮวก หักพวงมาลัยรถ เลี้ยวกลับไปทางเดิม เมื่อ ถึง บริเวณ ทางลง ไปที่หมู่บ้าน ซังฮวก บอก ยูจินว่า : เธอไปรอฉันที่บ้านนะ เดี๋ยวฉันไปรับ
ยูจิน : ได้ ถ้าจะมาช้าก็โทรมานะ
ซังฮวก : เอ้อ... ได้สิ
ยูจิน ปลด เข็มขัดนิรภัย ลงจากรถ มอง ซังฮวก ที่ขับรถออกไปอย่าง งง งง
มีรถเมล์ จอดลง ข้างๆตัว ยูจิน ยูจิน ก้าวขึ้นไปนั่ง ท้ายรถเมล์ เหมือนเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว เปิดกระจกออก ลมหนาวพัดกรู กันเข้ามา
ซังฮวก โทรศัพท์ ไปหา แชรีน
แชรีน : อ้อ.... มีอะไรหรือ
ซังฮวก : ฟังนะ แล้วบอกฉันมาตามตรง เธอไปเจอ ลี มินฮุง ที่ ฝรั่งเศส จริงๆ เหรอ
แชรีน : ใช่ เธอถามทำไมเหรอ
ซังฮวก : แล้วเขาโตในอเมริกา จริง ๆเหรอ
แชรีน : ทำไมเธอถึงอยากรู้นักล่ะ
ซังฮวก : งั้นเขาก็คงไม่เกี่ยวอะไร กับ จุนซาง
แชรีน : ซังฮวก ทำไมต้องทำต้องทำแบบนี้ด้วย
ซังฮวก : หมายความว่ายังไง
แชรีน : เมื่อ สองวันก่อน มินฮุง ก็พูดถึง จุนซาง วันนี้เธอก็มาพูดอีก ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ มันมีเรื่องอะไร งั้นเหรอ
ซังฮวก : มินฮุง ถามถึง จุนซาง งั้นเหรอ งั้นแค่นี้นะ

แชรีน วางโทรศัพท์ลง ทำท่าทางครุ่นคิด
จินซุก ที่อยู่ใกล้ๆ ถาม ว่า : เป็นอะไรไปเหรอ ซังฮวก เขาว่าไงหรือ
แชรีน ลุกขึ้นยืน : ฉันจะไปข้างนอกก่อนนะ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ชน จินซุก จน จินซุก ต้องผงะถอยหลัง

แชรีน ไปที่ บริษัท มาร์เชี่ยน
พนักงาน : สวัสดีค่ะ วันนี้ท่านไม่เข้า ออฟฟิศ ค่ะ
แชรีน : ไปสกีรีสอร์ตเหรอ
พนักงาน : เปล่าค่ะ เห็นท่านบอกว่าจะไปมะรืนนี้น่ะค่ะ
แชรีน : แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าเขาไปไหน
พนักงาน : ฉันไม่ทราบค่ะ

ซังฮวก ไปที่โรงเรียน และไปหาครู การ์การ์เมล
ถูกครูจอมมาร ต่อว่าต่อขาน บรรดาศิษย์ ที่แต่งงาน แล้ว ไม่มีใครบอก ครู ซังฮวก รีบแก้ตัวว่า เพิ่งกำหนดวันงาน อาจารย์ต้องไปให้ได้นะครับ
ซังฮวก ไปหา การ์การ์เมล เพื่อ ให้ ช่วยพาไปขอดู ประวัติ ของ คัง จุนซาง
การ์การ์เมล ยอมช่วย เพราะตามระเบียบแล้วประวัติของนักเรียน จะให้ใครดูไมได้ นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ถามชื่อของ นักเรียนที่ต้องการค้นหา เมื่อทราบว่า ชื่อ คัง จุนซาง ก็ หยิบเอกสารออกมา โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหา
การ์การ์เมล : อ้าวไหนว่าต้องใช้เวลาค้นหาไง
เจ้าหน้าที่ : อ๋อ ก็เมื่อครู่นี้มีคนมาขอดูน่ะครับ
ซังฮวก ชะงัก เงยหน้าจากแฟ้ม มองเจ้าหน้าที่ ถามว่า : ใครครับ
เจ้าหน้าที่ : ผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผมให้เขาดูไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ ญาติ เขาเลยขอร้องให้ผมบอกที่อยู่ ผมก็เลยให้เขาไปน่ะครับ
ซังฮวก เปิดแฟ้มประวัติ ของ คัง จุนซาง ไล่ดูรายชื่อ แล้ว ซังฮซก ก็แตกตื่น

มินฮุง รู้ว่า คัง จุนซาง เคยเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่ชุนชง
มินฮุง เริ่มสนใจอยากรู้เรื่องราว ของ คัง จุนซาง มากขึ้นเรื่อยๆ จึงไปขอดูแฟ้มประวัติของ คัง จุนซาง ที่โรงเรียน
ต้องลำบากแทบแย่ กว่าจะได้ที่อยู่ของ คัง จุนซาง มา
มินฮุง ถือแผ่นกระดาษ ที่อยู่ ของ คัง จุนซาง เดินเหลียวซ้ายแลขวา มาจนหาบ้านของ คัง จุนซาง พบ
มินฮุง มอง ประตูบ้าน และแผ่นกระดาษในมือ ให้แน่ใจ จึงลองผลักบานประตูรั้ว ดู
ช่างโชคดี ที่ประตูไม่ได้ล๊อกกุญแจไว้ ประตูเปิดออกตามแรงผลัก
มีสวนหน้าบ้าน น่าแปลกใจที่ มินฮุง รู้สึกว่า ตนเอง คุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก เหมือนกับ เขาเคยมาที่นี่
มินฮุง เปิดประตูบ้านเข้าไป ไม่ได้ล๊อก อีกเช่นเคย มินฮุง ก้าวเข้าไปภายใน แล้วมองดูรอบๆ
สายตาหยุดที่เปียโนซึ่งเก่ามาก แผงปิดฝาคีย์ก็เปิดไว้
มินฮุง ก้าวเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง แล้วเอื้อมมือไปกดแป้นคีย์ เสียงเปียโน ดังขึ้น แล้ว ก็ มี เสียงดัง กุกกัก ดังขึ้นหน้าประตูห้อง
มินฮุง หันไปมองที่ประตู เป็น คัง มุยฮี แม่ของ มินฮุง นั่นเอง
สายตาของ มินฮุง ประสานสายตาของแม่ ทั้ง สองคน ต่างตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก เมื่อ เห็นซึ่งกันและกัน
แล้ว มินฮุง ก็เป็นฝ่าย อุทาน ขึ้นก่อน ว่า แม่ครับ คัง มุยฮี ก็ อุทานว่า มินฮุง

ที่โรงเรียน
ซังฮวก เปิดแฟ้มประวัติ ของ คัง จุนซาง ไล่ดู รายละเอียดในบรรทัดต่างๆ
จนถึง ชื่อ ผู้ปกครองของ คัง จุนซาง แล้ว ซังฮวก ก็แตกตื่น กับชื่อ ของ คัง มุยฮี

ในขณะที่ มินฮุง ก็ เปิด ประตูบ้านของ คัง จุนซาง วิ่งออกมาจากบ้าน มี คัง มุยฮี วิ่งตามออกมา ส่งเสียงเรียก : จุนซาง ...จุนซาง
มินฮุง วิ่งออกมาไม่เหลียว ดู แม่ ตรงไปเปิดประตูรถ ก้าวขึ้นไปนั่ง สตาร์ท รถ แล้ว ขับ ออกมาอย่างรวดเร็ว
คัง มุยฮี : จุนซาง
คัง มุยฮี ที่วิ่งตามออกมา ได้แต่เรียก จุนซาง แล้วก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ซังฮวก ไม่อาจเชื่อได้เลยว่า ลี มินฮุง คือ คัง จุนซาง
คัง จุนซาง ยังมีชีวิตอยู่ในร่าง ของ ลี มินฮุง ซังฮวก รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมด เหมือนเป็นความฝัน
เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย ซังฮวก พอรู้สึกได้ว่าในตัว ลี มินฮุง ก็มีลักษณะ ของ คัง จุนซาง อยู่
ซังฮวก เริ่มรู้สึกถึงตัวตนของ คัง จุนซาง ใน ลี มินฮุง ขึ้นมาอย่างชัดเจน
ที่แท้ ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นอย่างนี้นี่เอง
แล้ว ยูจินจะเปลี่ยนไปยังไง จะถูกแย่งตัวไปอีกหรือเปล่า
ซังฮวก รู้สึก ว้าวุ่น สับสน รีบออกจากโรงเรียน แต่ละก้าวย่างรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริง ราวกับอยู่ในฝัน

ซังฮวก กระหืดกระหอบ วิ่ง ขึ้นบันไดบ้าน ของแม่ ยูจิน ปากก็ร้องร้องเรียก : ยูจิน ยูจิน
แม่ของ ยูจิน ออกมา ทักอย่าง แปลกใจ และบอกว่า ยูจิน โทรศัพท์มาบอกว่า อยู่ที่ทะเลสาบ และถามว่า ทำไมมีอะไรหรือ
ซังฮวกไม่ตอบคำ แม่ วิ่งออกไปจากห้อง ทันที
ที่ทะเลสาบ

ยูจิน และเสียงเพลง memory

ยูจิน เดินไปตามแนวต้นไม้ริมทะเลสาบ ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความหลังร่วมกับ จุนซาง ที่นี่
ที่เคยซ้อนท้ายจักรายาน กับ จุนซาง
แต่ ยูจิน กลับ อึงอลด้วยเสียงแผ่วเบาระคนเศร้าใจของ มินฮุง
“ ดูสิ มันสวยมากเลยนะ ที่นี่สวยจะตาย แต่คุณน่ะเห็นอะไร คุณกลับเห็นแต่ความทรงจำที่แสนเศร้า”
ยูจิน แหงนมองเบื้องบน แล้ว ก้มหน้าลง
มองไปที่ผืนน้ำ ยูจินมองแสงตะวันที่สาดส่องลงมากระทบสายน้ำ ส่งประกายระยิบระยับ
แล้ว ยูจิน ก็มองเห็นเงา เลือน เลือน ของใครบางคน ย้อนแสงเข้ามา
แต่แล้ว ภาพนั้นก็ชัดขึ้น เป็น รูปร่างหน้าตา ของ มินฮุง จริงๆ ที่กำลังเดินเลียบริมทะเลสาบ
มินฮุง เงยหน้าขึ้นมาพอดี และประสานสายตา กับ ยูจิน ต่างมองเห็นกัน และ กัน ชัดแล้ว ทั้งสอง จ้องกัน เหมือนถูกตรึง
มินฮุง เดินขึ้นมาหา ยูจิน
ยูจิน : บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่นึกเลยนะคะว่าจะได้เจอคุณที่นี่ คุณมาสูดอากาศเหรอคะ
มินฮุง จ้องมอง ยูจิน ไม่ตอบคำถามของ ยูจิน
มินฮุง รู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ “ ฉันคือ คัง จุนซาง หรือ “
มินฮุง ยังคงพูดอะไรไม่ออก มอง ยูจิน อย่าง งุนงง จน ยูจิน รู้สึก ประหลาดใจ
ยูจิน : มินฮุง คุณเป็นอะไรไป
มินฮุง : ยูจิน ... เว้น ระยะ..ผม.... ดูแปลกมั๊ย
ยูจิน รู้สึกเป็นห่วง
มินฮุง ลดสายตาลงจากใบหน้าของ ยูจิน : ผมดูแปลก ๆ มั๊ย
ยูจิน : มีเรื่องอะไรเหรอคะ
มินฮุง ไม่ตอบ
ยูจิน : มินฮุง
มินฮุง เงยหน้ามอง ยูจิน และราวกับตัดสินใจแล้ว : ยูจิน ......หากว่าผม.... ถ้าเกิดผม... แล้ว มินฮุง ก็ พูดต่อไม่ออก
ยูจิน มองหน้า มินฮุง แล้วก็มีเสียง เรียก ยูจิน เป็น ซังฮวก ที่ ส่งสียงเรียก ยูจิน และเดินเข้ามาหา
ยูจิน : ซังฮวก เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่
ซังฮวก เดินเข้ามา สายตา มองที่ มินฮุง ตลอดเวลา
แล้วหันไปตอบ ยูจิน ว่า : แม่เธอบอกว่า เธออยู่ที่นี่
แล้วหันมาทาง มินฮุง : เจอกันอีกแล้วนะ ลี มินฮุง ซังฮวก จงใจ เน้น คำ ว่า ลี มินฮุง สามคำนี้ชัด ๆ
ยูจิน : เราบังเอิญมาเจอกันที่นี่น่ะ
ซังฮวก หันไปทาง ยูจิน : เย็นมากแล้วเรากลับกันเถอะ
ยูจิน อึกอัก เบี่ยงตัวหลบสายตา ลง : เอ้อ..เอ้อ..
ซังฮวก : เราขอตัวก่อนนะครับ
ซังฮวก คว้า มือ ยูจิน รีบเดิน ออกไปอย่างเร่งรีบ ยูจิน เหลียวมอง มินฮุง
มินฮุง ยืนนิ่ง แววตา ปวดร้าว
ยูจิน และ ซังฮวก ค่อยๆ เดินห่างออกไป

มืดแล้ว มินฮุง ยืนอยู่ข้างรถ ในท่ามกลางความสลัวลาง
มินฮุง กำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่บ้านของ จุนซาง
คัง มุยฮี : มินฮุง
มินฮุง : แม่ครับ แม่มาที่นี่ได้ยังไงครับ ที่นี่มันบ้านของ คัง จุนซาง
ไหน แม่บอกว่า แม่ไม่รู้จักเขา ก็แม่บอกผมแบบนั้นไง
คัง มุยฮี มีสีหน้าเหมือนคนสิ้นหวัง ทำท่าหันตัวกลับ มินฮุง ขยับตัวตามอย่างรีบร้อน : แม่ครับ
แล้ว ก็ชน กับโต๊ะ ที่อยู่ใกล้ มีสิ่งของอย่างหนึ่งล้มลงบนพื้น
คัง มุยฮี หันมามองตามเสียง ก็ยิ่งตกใจ หนักขึ้นไปอีก
มินฮุง ก้มลงมอง เป็นภาพของ คัง มุยฮิ แสดง ดนตรี
มินฮุง : นี่อะไรกัน ทำไม มันมาอยู่ที่นี่ รูปแม่มาอยู่ที่บ้าน คัง จุนซาง ได้ยังไง
นี่มันอะไรกัน ตอบผมมาสิครับแม่
ใคร คือ คัง จุนซาง เขาคือใคร แล้วผมเป็นใคร ใคร คือ ลี มินฮุง แล้ว ผมเป็นใคร
มินฮุง ถามเสียงดัง อย่างร้อนรน ระคนขวัญเสีย อย่างไม่เคย เป็นมาก่อน
คัง มุยฮี จนปัญญาจะบ่ายเบี่ยงได้แล้ว ตอบคำถามด้วยเสียงสั่นเครือ : แม่ ขอโทษ แม่ขอโทษ จริงๆ นะ จุนซาง
มินฮุง ทั้งตระหนก ทั้งตะลึง : ผม คือ ผมคือ คัง จุนซาง เหรอ
มินฮุง : ผมคือ คัง จุนซาง จริงๆเหรอครับ
แม่ ไม่ได้ ตอบคำอะไร สีหน้าบอกการยอมจำนน
มินฮุง เปิดประตูบ้าน และวิ่งออกมาข้างนอก ไปขึ้นรถ
แม่ วิ่งตามออกมา ได้ แต่ พร่ำเรียก : จุนซาง จุนซาง
น้ำเสียงของ คัง มุยฮี เศร้าสลด เสียงนี้ ดังกังวานกลางอากาศที่เย็นยะเยือกในฤดูหนาว แล้วเงียบหายไปโดยไม่มีเสียงสะท้อนกลับ
ใน รถของ ซังฮวก
ซังฮวก ขับรถด้วยความเร็ว ด้วยแรงอารมณ์ เหมือนมีคนไล่หลังมา
ยูจิน : ซังฮวก ขับช้าๆ หน่อยได้ไหม มันอันตรายนะ ช้า ๆ หน่อยก็ได้
ซังฮวก แสดงกิริยาที่ไม่ปกติอย่างมาก จนมาถึงทางรถไฟ ที่รถไฟกำลังวิ่งผ่าน
ซังฮวก จอดรถไว้ข้างทาง ซังฮวก ลงมาจากรถ
ยูจิน เปิดประตูรถตามลงมาด้วย
ซังฮวก จุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา สูดควันบุหรี่ลึกๆ
ยูจิน : เธอสูบบุหรี่ ตั้งแต่เมื่อไร
ซังฮวก ไม่ตอบ อัด บุหรี่เข้าปอดเต็มที่
ยูจิน : ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ว่าฉันเจอ มินฮุง โดยบังเอิญจริงๆนะ
ซังฮวก พยักหน้า ไม่ได้ทำท่าเกรี้ยวกราด : ฉันรู้
ยูจิน : เธอไม่เข้าใจนะ
ซังฮวก ยกบุหรี่ขึ้นอีก พยักหน้าน้อยๆ
ซังฮวก : นี่ เธอชอบ ลี มินฮุง ตรงไหนเหรอ เพราะเขาแค่ หน้าตาเหมือน จุนซาง
เธอคงไม่ได้รักเขา แค่เพราะเขาหน้าเหมือน คัง จุนซาง ใช่ มั๊ย
ยูจิน : ซังฮวก
ซังฮวก หันมามอง ยูจิน เต็มตัว : เธอรู้สึกยังไงกับเขาบอกฉันได้มั๊ย
ยูจิน ไม่ตอบ
ซังฮวก : มันตอบยากนักเหรอ
ยูจิน มอง ซังฮวก : ฉันขอโทษ
ซังฮวก อัดบุหรี่อีก ตั้งคำถามใหม่ว่า : งั้น แล้วเธอจะทำยังไง ถ้าหากว่า คัง จุนซาง เขายังอยู่
ยูจิน : เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ
ซังฮวก : ฉันก็แค่สงสัย ถ้าเกิดว่า จุนซาง ยังมีชีวิตอยู่ แล้วเธอจะยังอยู่เคียงข้างฉันไหม
ยูจิน เอื้อมมือไปดึงบุหรี่ออกจากมือของ ซังฮวก ทิ้งลงพื้น ใช้ เท้า ดับบุหรี่ แล้วกอด ซังฮวก : ซังฮวก เราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยนะ จุนซาง น่ะ เขาตายไปแล้ว
ซังฮวก พยักหน้าบนไหล่ของยูจิน : ใช่...ใช่แล้ว .. จุนซาง ตายไปแล้ว
คำพูดของ ยูจิน ไม่อาจปลอบโยน ซังฮวกได้ ซังฮวก ว้าวุ่นใจ กลัวว่า ยูจิน จะถูกแย่งไปอีก
มินฮุง ไปหา คุณหมอ อัน ที่เคยดูแล ครอบครัว ของ ตนอยู่ แล้วได้ความจริงมาว่า
คุณหมอ : ทุกคนคิดว่าคุณตายแล้ว คุณอยู่ในขั้น โคม่า 2 เดือน และสูญเสียความทรงจำไปหมด หมอเลยเติมความทรงจำ ใหม่ ให้ คุณ เป็น ลี มินฮุง ตามที่แม่คุณขอ การสะกดจิต ปกติ จะใช้ในการฟื้นความทรงจำ แต่ case ของคุณ มันกลับกัน

มินฮุง กลับมาจากโรงพยาบาล ที่คุณหมอ อัน ทำงานอยู่ มินฮุงได้รู้ว่า ตนเองเสียความทรงจำไป
และจากการบำบัดด้วยวิธีสะกดจิต
ช่วงเวลา สิบปีที่ผ่านมานี้ คัง จุนซาง มีชีวิต ในร่างของ ลี มินฮุง เรื่องนี้ ทำให้ มินฮุง รู้สึก วังเวงใจ
หลังจากสะสางความคิดของตนเองได้แล้ว
มินฮุง กลับไปที่บ้าน ของ คัง จุนซาง อีกครั้ง
เวลาผ่านไปถึง สิบปี แล้ว มินฮุง ถึงได้พาตนเองกลับมาสู่ตำแหน่งเดิม
มินฮุง นั่งลงที่โต๊ะ ที่ จุนซาง เคยใช้ เมื่อเปิดลิ้นชัก ก็พบกระเป๋าเงินใบหนึ่งข้างในมีภาพของ คัง จุนซาง ในวัย 18 ปี
มินฮุง รู้สึก ได้ยินเสียงของ ยูจิน ดังขึ้นมาจากภาพนั้น
“ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินทางไปดินแดนแห่งเงา ที่นั่นไม่มีใครยอมพูดกับเขาเลย ทุกคนทำหน้าตาปั้นปึ่งใส่เขา เขาก็เลยว้าเหว่มาก “
มินฮุง มองภาพนั้น แล้วเงยหน้าไปที่เพดานห้อง เพื่อกล้ำกลืน น้ำตาของตัวเอง
มินฮุง รู้แล้วว่า ชายคนนั้น ชายในดินแดนแห่งเงา ก็ คือตัวเขา นั่นเอง ( โถ..........มินฮุง และ จุน ชาง)
ซังฮวกไปหา มินฮุง ที่บริษัท มาร์เซียน ได้รับคำตอบว่า มินฮุง ไม่อยู่ ซังฮวก เลยฝากนามบัตรไว้
หาก มินฮุง กลับมา ขอให้ พนักงานสาว ผู้นั้น โทรศัพท์บอกเขาด้วย : ผมมีเรื่อง สำคัญ
พนักงานสาว รับคำว่า ได้ค่ะ

พอ ซังฮวก เปิดประตูออกมา ก็ พบกับ แชรีน ที่กำลัง จะเข้ามาในห้องพอดี

แชรีน ถามว่า ซังฮวก ว่า มาทำอะไรที่นี่ ซังฮวก ทำท่าจะตอบแล้วเปลี่ยนใจ ทั้งคู่เลยไปดื่ม กาแฟที่คอพฟฟี่ช้อป
แชรีน : เธอมีเรื่องอะไรเหรอ วันก่อนเธอโทรถามฉัน เรื่อง มินฮุง ตกลงว่ามันเรื่องอะไรเหรอ บอกฉันมาสิ
ซังฮวก : ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเลิกกับ ยูจิน จริงๆ ฉันก็เลย กังวล เลยทำผิดกับ มินฮุง
เราไปชุนชงกัน ตอนวันเกิดพ่อของ ยูจิน แล้วไปเจอเขาใกล้ๆ บ้าน ยูจิน แต่ว่ามันเป็นเหตุบังเอิญน่ะ
แต่ ฉันคิดมาก เลย รีบพา ยูจินกลับ ฉันรู้ตัวว่า ทำ กิริยาไม่ดีไป ก็เลย แวะมาขอโทษเขาน่ะ เชื่อฉัน ซี
แชรีน ทำท่าคลางแคลง ใจ
ซังฮวก ย้ำว่า : อย่าเอาไปบอกใครล่ะ ฉันอายเขา
ยูจิน อยู่กับจินซุก และโทรศัพท์ ไปหา ซังฮวก แต่ ซังฮวก ไม่รับสาย : เขาน่าจะรู้ว่า วันนี้เรามีนัดไปลองชุด แต่งงานนี่นา
แชรีน เข้ามา และวัดตัว ยูจิน โดยให้ จินซุก ช่วย จด ขนาดตัวของ ยูจิน
แชรีน ชวนคุยว่า : ได้ยินว่าเธอไปเจอ มินฮุง ที่ ชุนชงเหรอ
ยูจิน : เราก็แค่ บังเอิญ มาเจอกันน่ะ
แชรีน : ฉันรู้ ว่าแต่ มินฮุง ไปชุนชง ทำไมหรือ เมื่อวานฉันเจอ ซังฮวก ที่มาร์เชี่ยน ด้วยล่ะ
ยูจิน แปลกใจ : ที่มาร์เซี่ยน เหรอ
แชรีน : ใช่ นั่นก็แปลว่า ซังฮวก ยังกังวลใจ เรื่องของ มินฮุง อยู่นะ ฉันไม่อยากก้าวก่าย แต่เธอน่าจะแคร์เขาหน่อยนะ
เธอน่ะเป็นคนจิตใจดี แต่บางครั้งก็ชอบโลเล แถมบางครั้งก็ไม่คอยนึดถึงว่า คนอืนรู้สึกอย่างไร
( เอ... ท่าจะจริง อย่าง แชรีน ว่า นะนี่ คุณนางเอก ยูจิน)
เมื่อวัดตัวเสร็จ ยูจิน ก็ ออกจากร้านแชรีน จินซุก จะพา ยูจิน ไปเลี้ยงข้าว

ซังฮวก นั่งพิงพนักเก้าอี้ ใช้ความคิดในห้องส่ง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น : ครับ เขากลับมาแล้ว เหรอครับ ครับ โอเค ครับ
มินฮุง เข้ามาที่บริษัท มาร์เชียน
มินฮุง หยุดมองภาพ จิกซอว์ อย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง
รูปเรือ ที่ชายฝั่งน้ำ รูปเดิม
เรื่องราวที่ มินฮุง อยากจดจำไว้ มีมากมายเหลือเกิน
คุณคิม ส่งเสียงทักว่า : โอ๊ะ ..โอ๋ ... นี่มันใครกันเอ่ย...
มินฮุง หลับตาลง เมื่อ ได้ยินเสียงนี้ หันไปตามเสียง
( โธ่ คง กำลัง อยากอยู่เงียบๆ เรียบเรียงความทรงจำอันมากมาย ที่เลือนหายไปอยู่ละมั้ง)
คุณคิม : คุณหายไปไหนมาเหรอ
มินฮุง : ไปตามหาคน
คุณคิม : ใครเหรอ ...
มินฮุงไม่ตอบ หัน หน้าหนี คุณคิม เดินไปที่โต๊ะทำงาน
คุณคิม ทำเสียงถอนหายใจ เฮ้อ.... ไดเรคเตอร์ลี นี่ ทำไม ไม่หาตัวเองให้เจอ ก่อน ก่อนที่จะไปหาคนอื่นเขาน่ะ
ดูตัวเองเสียก่อน สิ จริงสิ มีเรื่องด่วน ที่คุณต้องรีบเซ็นต์ด่วนเลยทีเดียว
คุณคิม ก้มลงที่ โต๊ะ ของ มินฮุง เปิดแฟ้ม งาน ไปด้วย : แล้วผมค่อยรายงานที่หลัง คุณจะได้รีบกลับบ้าน
มินฮุง หยิบ เอกสารงานขึ้นมา คุณ คิม ส่งปากกา ให้
มินฮุง ชะงัก เมื่อ เห็น ชื่อ ในช่อง ที่ให้ลงนามที่มีตัวอักษร พิมพ์ ไว้ว่า ลี มินฮุง
คุณคิม : ทำไมไม่เซ็นต์ล่ะครับ
มินฮุง วาง เอกสาร และปากกาลง มินฮุง ไม่อาจเซ็นชื่อ ลี มินฮุง ได้ แล้วก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง
คุณ คิม ยืนงง ได้แต่ : อ้าว ... นี่ ....
มินฮุง ขับรถ ออกจากบริษัท ซังฮวก ที่จอดรถรออยู่ข้างนอก รีบขับรถ ตาม มินฮุง ไป
มินฮุง ออกมาจากลิฟท์ ก็ได้ยินเสียงว่า : คุณ ลี มินฮุง ผมมาคุยกับคุณครับ ผมมีอะไรจะบอก
มินฮุง ไม่สนใจ คงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ซังฮวก เรียกอีกครั้ง : ลี มินฮุง
มินฮุง ก็ยังไม่สนใจ เดินไปตามปกติ ซังฮวก เดินตามมา : คัง จุนซาง นั่นคุณใช่มั๊ย
มินฮุง ชะงัก หันมามอง ซังฮวก

จินซุก และ ยูจิน ที่ร้านอาหาร
จินซุก รินเหล้า ส่งเสียงเมา เฮ้อ... ชื่น ใจ ชื่นใจ ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ แชรีน พูดวันนี้หรอกนะ ซังฮวก เขาต้องเชื่อใจเธอแน่
ยูจิน : ซังฮวก เขาถามฉันว่า ฉันชอบ ลี มินฮุง ที่ตรงไหน ฉันตอบเขาไม่ได้ ฉันจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ได้ยังไง เวลาฉันมอง จุนซาง ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวฉัน มันบอกไม่ถูก เหมือนหัวใจฉัน จิตวิญญาณฉัน พร้อมใจกันอ้าแขนรับเขา ฉันนึกว่านั่นคือ รัก และนั่น คือ โชคชะตา ตั้งแต่ จุนซาง ตายไป ฉันไม่นึกเลยว่าตัวฉัน จะรู้สึกแบบนั้นได้อีก ไม่รู้เป็นแบบนั้นได้ยังไง แปลกมากเลย แต่พอมาเจอ มินฮุง ฉันก็รู้สึกแบบนั้นอีก หัวใจฉันเต้นแรงทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้ๆเขา มันเหมือนตอนที่อยู่กับ จุนซาง เขาทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งน่ะ มันเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนละคนกัน แต่หัวใจฉัน รู้สึกว่า มินฮุง กับ จุนซาง เป็นคน คนเดียวกัน มันอาจจะฟังดูแปลกๆ นะ แต่ว่าเขาสองคน เหมือนเป็นคน คนเดียวกัน อย่างน้อยฉันรู้สึกอย่างนั้น จริงๆ

ซังฮวก เข้าไปในห้องของ มินฮุง ยืนข้างหลัง มินฮุง
ซังฮวก : ผมรู้แล้ว ว่าคุณ รู้
ผมรู้ว่าเป็นคุณ ตอนได้ยินว่ามีคนมาถามข่าว คัง จุนซาง ที่โรงเรียน
คุณกลับมาทำไมอีก คุณลืมได้อย่างไร ว่าคุณ คือ คัง จุนซาง คุณเสียความทรงจำเพราะอุบัติเหตุหรือ ใช่มั๊ย ใช่มั๊ยล่ะ
มินฮุง : คุณต้องการอะไร
แล้ว มินฮุง ก็ หันมาทาง ซังฮวก : คุณมีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่
ซังฮวก : คุณ ลี มินฮุง ถึงคุณจะเป็น คัง จุนซาง มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
ถึง คุณ จะใช่ คัง จุนซาง แต่ก็ไม่มีทางได้ ยูจิน ช่วยอยู่ห่างๆ เธอไว้ได้ไหม อย่าทำให้ ยูจิน ต้องเจ็บปวดอีกเลย
มินฮุง : ทำไมล่ะ คุณบอกว่าผม คือ คัง จุนซาง
คัง จุนซาง ไม่ใช่คนที่ ยูจิน ต้องการ จริงๆ หรอกเหรอ แล้วทำไม

ซังฮวก ตะโกนเสียงดัง : คุณไม่คู่ควรกับเขาหรอกน่า ไม่ว่าจะเป็น ลี มินฮุง หรือว่า คัง จุนซาง ก็ไม่คู่ควร
ยูจิน น่ะโง่เอง ที่รัก จุนซาง จริงๆ จังๆ ทั้งที่เขาแค่หลอกใช้เธอ คุณเป็นคนพูดเอง เพราะว่าคุณเกลียดผม คุณแค่หลอกใช้เธอนั่นคือสิ่งที่คุณพูด
มินฮุง : ผมจำอะไรไม่ได้เลย คัง จุนซาง พูดอย่างนั้นเหรอ ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมนึกไม่ออก แล้วผมหลอกใช้เธอ จริงๆ น่ะเหรอ
ซังฮวก คุกเข่า ลงตรงหน้า มินฮุง : อย่าไปยุ่งกับ ยูจิน อีกเลย ได้โปรด อย่าให้ ยูจิน ต้องลำบากใจอีก แค่ สิบปี ยังไม่พออีกหรือ ยังไม่พอเหรอที่ ยูจิน ต้องเจ็บปวด มาตั้ง สิบปีเต็มๆ ผมขอร้องล่ะ อย่ามายุ่งกับ ยูจิน อีก จะได้ไหม

จินซุก คุยว่า ยอดขายที่ร้านแชรีน ดี ก็เพราะจินซุก แต่ แชรีน คิดว่าฝีมือของ แชรีน เอง และชอบสั่งให้ จินซุก ชงกาแฟ อยู่เรื่อยเลย หมั่นไส้ชะมัด
จินซุก เมาเหล้าอีกตามเคย
เมื่อ กลับไปถึง อพาร์ทเม้นท์ ทั้งคู่ ก็พบว่า ซังฮวก นั่งคอยอยู่ที่ขั้นบันได
ยูจิน : ซังฮวก ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ
ซังฮวก เดินเข้ามาหา ยูจิน และกอด ยูจิน เต็มแรง
ทั้ง ยูจิน และ จินซุก พากันตกใจ กับท่าทางของ ซังฮวก
มินฮุง นั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้อง หมุนแก้วเหล้า ไปมา ปาก พึมพำ แผ่วๆว่า ลี มินฮุง ลี มินฮุง
มินฮุง เงยหน้าขึ้น พึมพำใหม่ว่า คัง จุนซาง
มินฮุง หลับตา ฟุบลงกับพื้นโต๊ะ
ที่ร้าน แชรีน
แชรีน กำลังจะออกไปตามนัดหมาย กับกลุ่มเพื่อนๆ กำลัง คุยโทร ศัพท์ว่า : ยูจิน กับซังฮวก จะมาสายหรือ
งั้น พวกเธอ กินกันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะรีบตามไป
มินฮุง เปิด ประตูข้ามาพอดี แชรีน ดีใจ เดิน มาหา มินฮุง ถามว่า : คุณหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงคุณนะ ฉันคิดถึงคุณมากเลย
มินฮุง : ผมอยากมาถามอะไรคุณหน่อย
แชรีน : คุณ ทานข้าวเย็นหรือยัง งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยว ฉันโทร แคนเซิล เพื่อนๆ ก่อน
แชรีน พูดโทรศัพท์ : ฮัลโหล ยงกุ๊กเหรอ ขอโทษที ฉันมีธุระด่วน คงไปไม่ได้ ฝาก บอก ซังฮวก กับ ยูจิน ด้วย จะได้ มั๊ย
มินฮุง ได้ยิน จึง แย่ง โทรศัพท์ มาจาก แชรีน และพูด ต่อ ว่า : ฮัลโหล นี่ ลี มินฮุง นะ แชรีน เขาไปได้ ผมจะไปพร้อมกับเขาด้วย

ยงกุ๊ก นั่ง อยู่กับ จินซุก มอง โทรศัพท์ของ ตัวเอง อย่างแปลกใจ
จินซุก : เขาบอกว่าจะมาด้วยเหรอ
ยงกุ๊ก : หรือเขากลับไปคืนดีกับ แชรีน แล้ว
จินซุก : ไม่หรอกมั้ง คงไม่ใช่หรอก
ยงกุ๊ก : งั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่นี่

แชรีน ไม่อยาก ให้ มินฮุง ไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน : เราไปกินกัน สองคนไม่ดีกว่าหรือ
พวกเขาอาจรู้สึกอึดอัด นะคะ ไหนบอกว่ามีอะไรจะถามฉันไง เราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่ามั๊ย
มินฮุง : ไม่ละ ผมว่ามีหลายคน ที่จะช่วยตอบคำถามผมได้
แชรีน : คุณอยากรู้อะไรกันแน่นะ มินฮุง
ทั้ง สี่คน คน นั่งร่วมโต๊ะ กันอย่าง น่า อึดอัด อย่าง แชรีน บอกไว้จริงๆ
จินซุก ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น ว่า : คือ ยูจิน กำลังจะแต่งงาน น่ะค่ะ เราเลยมาร่วมยินดีกับพวกเขา ก็เลย มาดื่มฉลอง ตามสบายนะคะ
มินฮุง : ดีจริง ๆ ที่ได้เจอเพื่อนเก่า มาพร้อมหน้ากัน พวกคุณอยู่ชมรมกระจายเสียงใช่มั๊ย
ยงกุ๊ก และ จินซุก ตอบพร้อมกัน ว่า ใช่
มินฮุง : แชรีน จินซุก ยงกุ๊ก ซังฮวก และก็ ยูจิน อ้อ ....ผมจำได้ว่า มีอีกคนหนึ่งด้วย
จินซุก และยงกุ๊ก หันมามองหน้ากัน
มินฮุง : เขาชื่ออะไรนะ นึกออกแล้ว คัง จุนซาง เขา ชื่อ คัง จุนซาง ใช่มั๊ย
ซังฮวก เข้ามายืน นอกห้อง มีกระจกกั้น
มินฮุง : แล้ว พวกคุณสนิท กับเขาหรือเปล่าล่ะ คงไม่ค่อยสนิท ละซี
ซังฮวก ก้าวเข้ามาที่ โต๊ะ
มินฮุง หันไปมอง ซังฮวก : อ้าวมาแล้วหรือครับ แล้ว ยูจิน ไม่มาด้วยกันเหรอ
ซังฮวก : คุณอีกแล้วเหรอ คุณ ลี
แล้ว ซังฮวก ก็นั่งลงข้างๆ ยงกุ๊ก
มินฮุง : แล้ว คัง จุนซาง คนนั้น เขากับ ซังฮวก สนิท กันมั๊ย
ซังฮวก หันมามองหน้า มินฮุง
แชรีน : พอทีเถอะ มินฮุง
มินฮุง : ทำไมล่ะ ก็แค่อดีต พวกเขาเคย ต่อย กัน รึยังไงไม่ทราบ ยงกุ๊ก เขาต่อยกับ ซังฮวก เหรอ
มินฮุง อยากรู้ ความสัมพันธ์ ระหว่าง จุนซาง กับ ซังฮวก ว่าเป็นอย่างไรกันแน่
ยงกุ๊ก ขยับตัว : ลี มินฮุง ทำไมคุณพูดถึงคนตายแบบนั้น ทำไมล่ะ ฮึ
มินฮุง ยิ้ม : คนตายเหรอ อ๋อ เหรอ เขาตายแล้วจริงๆหรือ
ซังฮวก มอง มินฮุง ยงกุ๊ก มอง ซังฮวก แล้ว มอง มินฮุง
ยงกุ๊ก : อะไรนะครับ
มินฮุง : มันน่าแปลกนะ ผมได้ยินว่าไม่มีใครได้ไปงานศพเขาเลย คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเขาตายแล้วน่ะ
ซังฮวก : พอทีเถอะ มินฮุง

มินฮุง ไม่ได้คิดจะโทษคนอื่น ในการที่เขาเข้าใจผิด
มินฮุง เพียงแต่ รู้สึก เศร้าใจ ที่คนอื่นไม่ได้พยายามสืบหาความจริงว่า เพื่อนที่เคยคบกันมาเมื่อก่อนนั้น เสีย ชีวิต ไปแล้ว จริงๆ หรือไม่

มินฮุง : พวกคุณ เคยคิดกันบ้างหรือเปล่า เขาอาจจะยังไม่ตาย ก็ได้นะ ทำไมล่ะ บางทีเขาอาจจะเป็นโรค ความจำเสื่อม หรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อ ซะใหม่ หรือเขาอาจเปลี่ยนชื่อ เป็น ลี มินฮุง ก็ได้นะ คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าล่ะ ว่า ผมอาจจะเป็น คัง จุนซาง
จินซุก ตาโต ถามอย่างซื่อๆว่า : คุณ คือ คัง จุนซาง หรือ
ลี มินฮุง จ้องตา กับ ซังฮวก อย่างแข็งกร้าว ทุกคน มอง ลี มินฮุง ด้วยสายตา ตื่นตระหนก
มินฮุง ทำท่า ไม่ใส่ใจ ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่ จะหัวเราะ ออกมา : รู้สึกว่าเรื่องมันคงจะยุ่ง ถ้าหาก จุนซาง กลับมา
แล้ว มินฮุง ก็ลุกขึ้นยืน : แต่ว่า มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ครับ ขอโทษด้วย ที่ผม คือ ลี มินฮุง ขอตัวก่อนนะครับ
แล้ว มินฮุง ก็ ผละออกมา
มินฮุง เดินไปทางลิฟท์ ไม่หันหลังกลับ มินฮุง รู้ว่า บรรดา คนที่ฟังเขาพูดจน งวย งง นั้น จ้องตามหลังเขาอยู่ มินฮุง เดินออกมาอย่างสบายใจ
แชรีน ที่ตามออกมา แต่ไม่ทันการ มินฮุง เข้าไปในลิฟท์ แล้ว
ประตู ลิฟท์ ค่อยๆ เลื่อนปิดสนิท
แชรีน ได้แต่ เอามือแตะ ประตู ลิฟท์ ที่ปิดนั้น นึกไปถึงวัน ที่ไปหา มินฮุง ที่บาร์ประจำ “ หรือว่า ผมเป็น คัง จุนซาง “
และ คำพูดของ ซังฮวก ที่ โทรศัพท์ มาหาเมื่อวันก่อน “ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร กับ คัง จุนซาง จริง เหรอ “
และ คำพูด ของ มินฮุง เมื่อ ครู่นี้ “ บางทีเขาอาจความจำเสื่อม “
แชรีน ได้แต่ อุทาน กับตัวเองว่า “ คัง จุนซาง “

มินฮุง ลง บันได ชั้นล่าง ของตัวอาคาร
ยูจิน ก็ กระหืดกระหอบ เข้ามา เพราะ มาสาย ตามเคย
ทั้งคู่ชะงัก ยืนมองตากัน ยูจิน หลบสายตา ลงต่ำ ก่อน แล้วเงย มอง มินฮุง ใหม่

มินฮุง ก้าวเท้ายาวๆ เข้าหา ยูจิน จับแขน ยูจิน ไว้ และบอกว่า : เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย
ยูจิน : มินฮุง คุณมาทำอะไรที่นี่
ยูจิน ผลักแขน มินฮุงออกไปจากตัว : เป็นอะไรไปน่ะ ทำไม ต้องทำแบบนี้ ฉันต้องรีบไปแล้ว เพื่อนๆ กำลังรออยู่
มินฮุง จับ ยูจิน ไว้ ยูจิน สะบัดออก
ยูจิน พูดเสียงดัง : คุณเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมทำตัวไม่เหมือนเป็นตัวคุณเลย
มินฮุง : ไม่เหมือนตัวผมเหรอ ลี มินฮุง น่ะเป็นยังไง
มินฮุง ก็เสียงดังเช่นกัน
มินฮุง : ผมเป็นใคร บอกผมสิ ยูจิน ผมคือใคร
ยูจิน มอง มินฮุง อย่างแปลกใจ มินฮุง คนนี้ ดูเหมือนคนแปลกหน้า
มินฮุง : ยูจิน... ผม.... คือ.... จุนซาง

กว่าจะหลุด คำพูดนี้ออกมาได้ ช่างลำบากยากเข็ญ เสียจริงๆ มินฮุง น้ำตาคลอ
เป็นน้ำตาของ ความเจ็บปวดให้กับวันเวลาที่ มินฮุง จดจำ เรื่องในอดีตไม่ได้
กับ ยูจิน ที่เขารักอย่างสุดซึ้งในช่วงเวลานั้น
กับตนเอง ที่มายืนอยู่ต่อหน้ายูจิน แต่กลับนึกอะไรไม่ออกในขณะนี้
ให้ กับทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่เบื้องหน้า ในเวลานี้
NO MATTER WHAT
This song is the end of 12 scene

อยู่ในช่วงที่ลีมิงฮุงไปนั่งคุยกับเพื่อนในร้านอาหาร แล้วก็พูดว่า
“ เท่าที่รู้ไม่มีใครได้ไปงานศพของจุนซางแล้วแน่ใจได้ยังไงว่าจุนซางตายแล้ว เขาอาจจะความจำเสื่อมหรือว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อไปเป็น ลีมิงฮุงก็ได้”
Link เพลงค่ะ http://www.shinwoo.or.kr/cnmsic-rmance/NTingHil-NoMatterWhat.wma
No Matter What

Boyzone Andrew Lloyd Webber (music)/Jim Steinman(lyrics)

No matter what they tell us
No matter what they do
No matter what they teach us
What we believe is true
No matter what they call us
However they attack
No matter where they take us
We'll find our own way back
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know I'll love forever
I know, no matter what
If only tears were laughter
If only night was day
If only prayers were answered
Then we would hear God say
No matter what they tell you
No matter what they do
No matter what they teach you
What you believe is true
And I will keep you safe and strong
And sheltered from the storm
No matter where it's barren
A dream is being born
No matter who they follow
No matter where they lead
No matter how they judge us
I'll be everyone you need
No matter if the sun don't shine
Or if the skies are blue
No matter what the end is
My life began with you
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know, I know
I know this love's forever
That's all that matters now
No matter what
------------------------------------
แปลเนื้อเพลง ( NO MATTER WHAT)
อะไรก็ตามที่เขาบอกกับเรา
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนเรา
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
อะไรก็ตามที่เขาขนานนามให้เรา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำร้ายเราอยู่ดี
แม้จะอยู่ที่ใดก็ตามเขาก็ยังชอบเรา
เมื่อเราหันกลับมาสำรวจตนเอง
เราก็จะพานพบกับความเป็นตัวตนของเรา
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้ว่าฉันจะรักเธอตราบชั่วนิจนิรันดร์
ฉันรู้แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
เพียงแค่เสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
เพียงแค่กลางวันและกลางคืน
เพียงแค่คำแก้ตัวและคำอ้อนวอน
ถึงอย่างนั้นเราอาจได้ยินเสียงขานตอบจากพระผู้เป็นเจ้า
อะไรก็ตามที่เขาบอกคุณ
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนคุณ
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
และฉันจะคงรักษาและเก็บมันไว้ให้อย่างหวงแหนและมั่นคง
ดั่งเกราะกำบังกายกลางกระแสลมพายุที่โหมกระหน่ำ
ถึงแม้นว่าที่แห่งนั้นจะเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
ฉันจะทำให้ความฝันนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้
ไม่ว่าใครจะคอยติดตามเขา
ไม่ว่าใครจะนำพาเขาไปที่แห่งไหน
ไม่ว่าเขาจะเปรียบเปรยพวกเราว่าอย่างไร
ฉันก็ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ต้องการคุณ
หากแม้นว่าดวงสุรีย์มิอาจส่องแสง
หรือหากท้องฟ้าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
สิ่งต่าง ๆ ก็ยังดำเนินต่อไปยังไม่มีทางจบสิ้น
ชีวิตของฉันก็พร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อม ๆ กับเธอ
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้...ฉันรู้...
ฉันรู้ว่า...นี่คือความรักชั่วนิจนิรันดร์
และนั่นคือทั้งหมดในขณะนี้ที่ฉันเป็น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...

THE END
( Translator BY : Roytavan)
Scene-12: Truth of a decade ago

Lose temper:
Yoo-jin : I came right after you, why did you come so fast? You drove real fast, didn't you? I told you not to do that.
Sang-hyuk : .. I'm sorry.
Yoo-jin : Don't you feel bad about getting so angry? The person who loses temper is the loser. ... I'm sorry.

Memory place:
Yoo-jin : What a surprise. I didn't expect to see you here. Did you come out for fresh air? Min-hyung? ... What's the matter?

Min-hyung : Yoo-jin, am I ... strange? I'm really strange ...

Yoo-jin : Can you tell me ... Is something wrong? Min-hyung?

Min-hyung : Yoo-jin ... What if ... If .... If ... I ...

My herat felt them as one:
【1/2】 Yoo-jin : Sang -hyuk ... he asked me. What I like about Min-hyung ...

JIn-sook : what did you say?

Yoo-jin : I couldn't answer him. How could I put that in words? When I looked at Jun-sang I felt like something was falling inside me. Like my heart and my soul were toward him. I thought it was what love is. What destiny is. I thought I'd never feel that way again since Jun-sang died. But when I met Min-hyung something fell inside me again. As if he's back. It's not because they look alike. Not that. My heart beating disregarding what I was thinking. Just like when I was with Jun-sang ... he made me fell that way again. How is that possible? They are certainly different people. But my heart felt them as one. I sounds strange but they were like one person to me. I knew you found out.


Copyright@Amornbyj

No Matter What in WINTER SONATA-eps 12


No Matter What

This song is the end of 12 scene

อยู่ในช่วงที่ลีมิงฮุงไปนั่งคุยกับเพื่อนในร้านอาหาร แล้วก็พูดว่า
“ เท่าที่รู้ไม่มีใครได้ไปงานศพของจุนซางแล้วแน่ใจได้ยังไงว่าจุนซางตายแล้ว เขาอาจจะความจำเสื่อมหรือว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อไปเป็น ลีมิงฮุงก็ได้”

Boyzone Andrew Lloyd Webber (music)/Jim Steinman(lyrics)

No matter what they tell us
No matter what they do
No matter what they teach us
What we believe is true
No matter what they call us
However they attack
No matter where they take us
We'll find our own way back
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know I'll love forever
I know, no matter what
If only tears were laughter
If only night was day
If only prayers were answered
Then we would hear God say
No matter what they tell you
No matter what they do
No matter what they teach you
What you believe is true
And I will keep you safe and strong
And sheltered from the storm
No matter where it's barren
A dream is being born
No matter who they follow
No matter where they lead
No matter how they judge us
I'll be everyone you need
No matter if the sun don't shine
Or if the skies are blue
No matter what the end is
My life began with you
I can't deny what I believe
I can't be what I'm not
I know, I know
I know this love's forever
That's all that matters now
No matter what
------------------------------------
แปลเนื้อเพลง ( NO MATTER WHAT)

อะไรก็ตามที่เขาบอกกับเรา
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนเรา
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
อะไรก็ตามที่เขาขนานนามให้เรา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำร้ายเราอยู่ดี
แม้จะอยู่ที่ใดก็ตามเขาก็ยังชอบเรา
เมื่อเราหันกลับมาสำรวจตนเอง
เราก็จะพานพบกับความเป็นตัวตนของเรา
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้ว่าฉันจะรักเธอตราบชั่วนิจนิรันดร์
ฉันรู้แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
เพียงแค่เสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
เพียงแค่กลางวันและกลางคืน
เพียงแค่คำแก้ตัวและคำอ้อนวอน
ถึงอย่างนั้นเราอาจได้ยินเสียงขานตอบจากพระผู้เป็นเจ้า
อะไรก็ตามที่เขาบอกคุณ
อะไรก็ตามที่เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาพร่ำสอนคุณ
ความเชื่อมั่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร...?
และฉันจะคงรักษาและเก็บมันไว้ให้อย่างหวงแหนและมั่นคง
ดั่งเกราะกำบังกายกลางกระแสลมพายุที่โหมกระหน่ำ
ถึงแม้นว่าที่แห่งนั้นจะเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
ฉันจะทำให้ความฝันนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้
ไม่ว่าใครจะคอยติดตามเขา
ไม่ว่าใครจะนำพาเขาไปที่แห่งไหน
ไม่ว่าเขาจะเปรียบเปรยพวกเราว่าอย่างไร
ฉันก็ยังเป็นคนคนหนึ่งที่ต้องการคุณ
หากแม้นว่าดวงสุรีย์มิอาจส่องแสง
หรือหากท้องฟ้าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
สิ่งต่าง ๆ ก็ยังดำเนินต่อไปยังไม่มีทางจบสิ้น
ชีวิตของฉันก็พร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อม ๆ กับเธอ
ฉันไม่สามารถทำลายความเชื่อความศรัทธาของฉันได้
ฉันไม่อาจทำลายสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น
ฉันรู้...ฉันรู้...
ฉันรู้ว่า...นี่คือความรักชั่วนิจนิรันดร์
และนั่นคือทั้งหมดในขณะนี้ที่ฉันเป็น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...

THE END
( Translator BY : Roytavan)